วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 18:17 น.

การเมือง

"จุรินทร์" ปัดข่าวคนใน"ปชป.น้อยใจ" เมินสก.แห่ทิ้งพรรค

วันอาทิตย์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 12.27 น.

วันที่ 12 กรกฎาคม 2563  ที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการสัมมนารัฐมนตรีและ ส.ส. ของพรรคว่า เป็นเรื่องดีมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความเห็นการเมืองในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เป็นส่วนตัว คิดว่าจะหาโอกาสจัดให้มีการพบปะกันบ่อยขึ้น ซึ่งงทุกคนช่วยกันระดมความคิดในการช่วยหาข้อสรุปร่วมกัน ว่าจะช่วยกันพาพรรคไปข้างหน้าให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้นได้ ซึ่งข้อสรุปที่เห็นตรงกันอยากเห็นผลงานของพรรคเป็นรูปธรรมรวมถึงความเป็นเอกภาพภายในพรรค ซึ่งทั้งสองข้อนี้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญ ทุกคนพยายามร่วมมือร่วมใจกันเพื่อแสดงความคิดเห็น ให้เดินไปสู่เป้าหมาย
 
เมื่อถามว่า ส่วนกรณีที่มี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ สก. ย้ายพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้สอบถามองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคดูแล กทม.บอกว่ามีส่วนหนึ่งได้ย้ายออกไปแล้วก่อนที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามา แต่พยายามหาคนใหม่เข้ามา ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ร้อยละ 70 ที่มีผู้สมัครชัดเจนแล้ว แม้แต่ สก. พรรคก็มีแผนงานลงพื้นที่เข้าไปดูแล ซึ่งตนเองในฐานะหัวหน้าพรรค มองว่าพื้นที่แตกต่างในกรุงเทพฯ และทุกภูมิภาค และจะเดินสายไปพื้นที่ต่างๆ ร่วมกับรัฐมนตรีและผู้บริหารของพรรค คนรุ่นใหม่ของพรรค ในการทำพื้นที่สร้างความนิยมให้กับพรรค รวมทั้งไปทำกิจกรรมต่างๆ จัดยุวประชาธิปัตย์ จัดอบรมอุดมการณ์ประชาธิปไตยกินได้ เพื่อมุ่งเน้นอุดมการณ์ทางการเมืองให้สามารถเดินหน้าได้ ในเศรษฐกิจยุค New Normal เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังให้กับพรรคต่อไป รวมถึงการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ก็ มีการดำเนินการตามลำดับต่อไป
          
เมื่อถามว่าการสัมมนาครั้งนี้ทำไมกำหนดไว้เฉพาะรัฐมนตรี และ ส.ส. ในพรรค จนทำให้มีบางส่วนเกิดความน้อยใจ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการสัมมนาระหว่าง ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคเท่านั้น ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคก็มีการประชุมไปแล้ว และในการประชุมใหญ่ก็คงได้พบพร้อมกัน หากบุคคลใดเกิดความไม่เข้าใจก็จะทำความเข้าใจ และเรื่องนี้เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่มีตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นใครอย่างไร แต่ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น หากอะไรมีความไม่เข้าใจอยู่บ้าง ก็จะได้ชี้แจงให้เข้าใจ และคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ฟังเหตุผลกัน

 
อดีตสก.ปชป.พ้อเป็นนักการเมืองตัวเล็กพรรคไม่เห็นหัว

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร อดีตสมาชิกสภา กทม. 5 สมัย ที่เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกรณีการตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น ว่า ต้องยอมรับว่าทุกพรรคการเมืองนั้นมีนโยบายที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนทั้งหมด แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ เรื่องการใช้โซเชียลมีเดีย ให้เกิดประโยชน์ซึ่งเราต้องยอมรับว่าจุดนี้พรรคก้าวไกลสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาเป็นตัวสะท้อนถึงความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยประเด็นดังกล่าวนั้นก็สอดคล้องกับการใช้สิทธิเลือกตั้งของวัยรุ่น จำนวนมาก ผลลัพธ์จึงเป็นออกมาอย่างที่เห็น ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลโดยตรงในสนามการเมืองไม่ว่าจะระดับชาติหรือท้องถิ่น ซึ่งหากเราไม่ปรับตัวก็เป็นเรื่องยากในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป

"ช่วงก่อนที่จะตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลนั้น มีหลายพรรคการเมืองมาติดต่อกับทางเราเหมือนกัน ขณะที่พรรคต้นสังกัดเก่าของผม ก็ไม่ได้ดูสนใจพวกเรามากนัก อาจจะเป็นเพราะเราเป็นนักการเมืองท้องถิ่นตัวเล็กๆ ในสายตาพรรค ประกอบกับการที่พวกเขาอาจจะยุ่งกับการเป็นรัฐบาลอยู่ ก็อาจจะลืมเราไปบ้าง ขณะเดียวกัน เราอยู่กันแบบถ่อมตัวในพื้นที่ ไม่ได้มีตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใหญ่โตอื่นๆ ก่อนที่เราจะนำเรื่องมาหารือกันในครอบครัวและได้ข้อสรุปออกมาอย่างที่เห็น ว่าควรมาอยู่พรรคก้าวไกลน่าจะเหมาะสมกว่า" นายสุทธิชัย กล่าว
          
นายสุทธิชัย กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา เห็นได้ชัด ช่วงก่อนการเลือกตั้ง เราก็มีการสำรวจในพื้นที่กันเอง ตอนนั้นคะแนนก็ยังคงสูงมาก กระแสก็ยังคงดีอยู่ และเป็นเรื่องยากมากที่จะมีพรรคการเมืองใหม่ไล่ทัน แต่พอใกล้ๆเลือกตั้งคะแนนกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้เราจะลงพื้นที่ เดินหาเสียงแทบตาย แต่พอเราเสียเปรียบเรื่องโซเชียลมีเดีย ผลก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็น
          
เมื่อถามว่าในอนาคต หากมีการเลือกตั้งระดับชาติอีกครั้ง จะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่หรือไม่ นาย สุทธิชัย กล่าวว่า จากที่ได้พูดคุยกับ ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคก้าวไกล และคนอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียง ตนเห็นว่าพวกเขาเป็นคนอายุไม่เยอะ สบายๆ ไม่ติดแอ๊คอาร์ตเหมือนนักการเมืองรุ่นใหม่บางคน ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งตนมองว่าจุดนี้ไม่น่าจะมีปัญหา อะไรเพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันคือทำงานเพื่อนประชาชนในพื้นที่
          
สำหรับ ตระกูล “วีรกุลสุนทร” เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเขตจอมทองมายาวนานกว่า 20 ปี โดย สุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ได้ทำงานสร้างฐานเสียงต่อเนื่อง โดยเคยดำรงตำแหน่ง ส.ก.5 สมัย ขณะที่ นางนันทพร วีรกุลสุนทร ภรรยาของนายสุทธิชัย เคยดำรงตำแหน่ง ส.ส.เขต มาถึง 2 สมัย ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกับลูกชายอย่าง นายพิรกร วีรกุลสุนทร ที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ก.เช่นเดียวกับคุณพ่อ

"เทพไท"พอใจผลสัมมนาพรรค ให้เวลาผู้บริหารพรรค 2 เดือน 

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการสัมมนาระหว่าง ส.ส.กับรัฐมนตรีของพรรค ที่เกาะเสม็ดว่า นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ ส.ส.ของพรรค และรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพูดคุยกันเกือบครบ100% และทุกคนได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ นับว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กรของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมายาวนาน ในการเปิดออกคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ส.ส.ทุกคนได้ระบายความรู้สึก และนำเสนอปัญหาต่างๆให้รัฐมนตรีของพรรค และผู้บริหารพรรคได้รับทราบ ไม่มีการโกรธกัน หรือปัญหาอะไรติดใจกัน เมื่อพูดจบก็จบกัน ถือว่าเป็นสิ่งงดงามของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องความเป็นประชาธิปไตยภาคในพรรค ซึ่งไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถทำได้แบบนี้ 
ส่วนตัวมีความพอใจในข้อสรุปของการพูดคุยกัน เมื่อผู้บริหารของพรรครับข้อเสนอของที่ประชุม และจะนำไปแก้ไขโดยเร็วในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ เช่น
 
1. จะมีการทำโพล สำรวจกระแสความนิยมของพรรคในทุกระดับภายใน1เดือน
 
2.จะมีการประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคทุกคนภายใน2สัปดาห์
 
3.จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบการสื่อสารของพรรคใหม่ในทันที โดยเฉพาะสื่อทางโซเชี่ยลมีเดียทั้งหมด
 
4.จะสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ของ ส.ส.ทุกคนอย่างเต็มที่ 

ส่วนข้อเสนอของตนในการทำพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และเป็นพรรคขั้วการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนก็ตาม แต่ถ้าหากเงื่อนไข4ข้อ ที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ยืนยันต่อที่ประชุม สามารถปฎิบัติได้เป็นจริงทุกข้อ โจทย์ของการกอบกู้พรรคให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม ก็มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งตนไม่ได้ติดใจในคำตอบต่อข้อเสนอ เรื่องการจะทำพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นพรรคขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ในที่ประชุมสัมมนา จึงขอให้สมาชิกพรรค ผู้สนับสนุนพรรคได้มีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรค และแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองของพรรคเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ตนพร้อมเป็นคนหนึ่ง ที่จะขอต่อสู้ทางการเมืองตามอุดมการณ์ของพรรค และจะพิทักษ์ไว้ซึ่งอุดมการณ์ในการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบอย่างเคร่งครัดต่อ

หน้าแรก » การเมือง