วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 08:28 น.

การเมือง

ศาลอาญาไม่ให้ปิด "วอยซ์-สื่อออนไลน์" ยกคำร้องปิดของดีอีเอส

วันพุธ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 14.20 น.

วันที่ 21 ต.ค.2563 ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งภายหลังการไต่สวนกรณีศาลมีคำสั่งปิดเว็บไซต์ Voice TV เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกับตำรวจ ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบและระงับ 4 สำนักข่าวออนไลน์ กับเพจเยาวชนปลดแอกของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 35 วรรคสอง บัญญัติห้ามรัฐปิดสื่อมวลชนเพื่อลิดรอนเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร มาตรา 36 วรรคหนึ่ง บัญญัติรับรองเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกัน การตีความ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 2550 มาตรา 20 ก็ดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2548 มาตรา 9 (3) ก็ดี จึงต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว
          
ทั้งนี้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 20 ให้อำนาจศาลระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลออกจากระบบคอมพิวเตอร์ และมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.นี้ ระบุว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หมายถึงข้อมูล ข้อความ ในระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้น เจตนารมณ์ของกฎหมายย่อมมุ่งหมายที่จะให้ศาล ห้ามโดยเฉพาะเจาะจงซึ่งข้อมูลที่เป็นความผิดตามมาตรา 20 (1)-(3) โดยเฉพาะเจาะจงเป็นรายข้อความ
          
ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 (3) ห้ามการเสนอข่าวที่มีข้อความทำให้ประชาชนหวาดกลัวนั้น กฎหมายประสงค์ให้ห้ามเป็นการเฉพาะข่าวหรือข้อความเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการห้ามเข้าถึงข้อมูลหรือข้อความที่มีการนำเสนอปรากฏต่อศาลในปัจจุบันแล้วว่าขัดต่อกฎหมาย กฎหมายหาได้มีเจตนารมณ์ที่จะให้ศาลมีคำสั่งปิดช่องทางการสื่อสารของบุคคลหรือสื่อสารมวลชนทั้งช่องทาง ซึ่งมีผลการนำเสนอข้อความในอนาคตที่ยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดด้วย ส่วนความขัดข้องในเรื่องการปิดกั้นการเข้าถึงทางเทคนิคนั้นเป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี ไม่มีผลให้เปลี่ยนแปลงหลักกฎหมาย
          
ดังนั้น การที่ศาลมีคำสั่งระงับการแพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม URL ทั้ง 12 รายการ ซึ่งเป็นการปิดช่องทางการสื่อสารของสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี, สำนักพิมพ์ประชาไท, The Reporters, The STANDARD หรือของกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free YOUTH โดยเหตุที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงให้ชัดเจนว่าเป็นการขอให้ปิดสื่อทั้งช่องทาง ทำให้ศาลมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันถูกต้อง เข้าใจว่าเป็นการปิดกั้นเฉพาะเนื้อหาบางส่วนที่คัดนำเสนอต่อศาล คำสั่งศาลดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งศาลที่ให้ระงับการแพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ในคดีนี้ ยกคำร้อง

รายงานข่าวจาก Voice TV เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอาญานัดไต่สวนกรณีที่กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจ (ดีอีเอส) ยื่นคำร้องขอให้ปิดช่อง Voice TV บนทุกแพลตฟอร์ม และศาลมีคำสั่งให้ปิดตามคำร้องไปเมื่อวานนี้ และล่าสุดเวลา 14.00 น. ศาลได้ตัดสินให้ยกเลิกคำสั่งเดิมให้ปิด Voice TV และให้ยกเลิกทุกคำร้อง เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าคำร้องขอไม่แสดงเหตุชัดเจน ขณะเดียวกันยกเลิกคำสั่งที่เคยขอให้ระงับช่องทางการเผยแพร่ข่าวของ ประชาไท ,The reporter, The standard และเพจเยาวชนปลดแอก-Freeyouth
          
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 35 วรรคสอง ห้ามรัฐปิดสื่อมวลชนเพื่อลิดรอนเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร และ มาตรา 36 วรรคหนึ่ง รับรองเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกัน ดังนั้น การตีความ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 20 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9 (3) จึงต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
          
การที่ศาลมีคำสั่งระงับการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม URL ทั้ง 20 รายการ ซึ่งเป็นการปิดช่องทางการสื่อสารของ Voice TV รวมถึง ประชาไท ,The reporter, The standard และเพจเยาวชนปลดแอก-Freeyouth แต่ผู้ร้องไม่ได้แสดงให้ชัดเจนว่าเป็นการขอให้ปิดสื่อทั้งช่องทาง ทำให้ศาลไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง แต่เข้าใจว่าเป็นการปิดกั้นเฉพาะเนื้อหาบางส่วนที่นำเสนอต่อศาล ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง จึงให้ยกเลิกคำสั่งศาลที่ให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลก่อนหน้านี้
          
Voice TV ระบุว่า หลักฐานที่ยื่นคำร้องต่อศาลให้ปิดช่อง Voice TV มาจากการนำเสนอข่าวสารผ่าน 5 ช่องทางออนไลน์ ประกอบด้วย เว็บไซต์, เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์, อินสตราแกรม, และยูทูป รวม 12 URL ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เผยแพร่เหตุการณ์ชุมนุมในวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ามีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อย บางส่วนนำเสนอการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ที่มีความรุนแรง และมีข้อความในลักษณะเชิญชวนให้ไปร่วมชุมนุม ขัดต่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เรียกผู้บริหารมาชี้แจงกรณีดังกล่าวก่อนเลย

ม็อบนัด 17.00 น.ปักหลักหน้าเดอะมอลล์ บางกะปิ-เซ็นทรัล พระราม 2

จากกรณีที่ ประชาชนปลดแอก และ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ประกาศนัดรอฟังวันนี้ 15.00 น. ว่าจะนัดชุมนุมกันที่ใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุม ได้ประกาศนัดชุมนุมที่เซ็นทรัล พระราม 2 เชิญชาวบางมดร่วมชุมนุม 17.00 น. ทั้งนี้ ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ก็มีการประกาศนัดชุมนุม 17.00-20.00 น. วันนี้ เช่นกัน
          
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ ยังได้มีการนัดชุมนุม 17.00 น. ที่ม.รามคำแหงอีกด้วย และแกนนำกลุ่มราษฎรประกาศสถานที่รวมตัวชุมนุมอนุเสาวรีย์ชัยฯ 16.00 น.นี้

"พุทธิพงษ์" ยัน ดีอีเอส ไร้อำนาจปิดกั้นสื่อฯ ชี้แล้วแต่ศาลจะพิจารณา
 
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่ศาลสั่งปิดแพลตฟอร์มทั้งเว็บไซต์ และเพจเฟซบุ๊กของ Voice TV ว่า กระทรวงไม่ได้มีนโยบายปิดกั้นสื่อ หรือดำเนินการเฉพาะใคร หรือมีเจตนาอื่น กรณี Voice TV เกิดจากการที่ทางตำรวจซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมสถานการณ์ และการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในขณะนี้ ซึ่งต่างจากสถานการณ์ปกติ และมีข้อที่เกี่ยวกับการเผยแพร่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การยุยง ปลุกปั่น เนื้อหาผิดกฎหมาย หากเข้าข่ายตามกรอบความมั่นคง ทางตำรวจก็จะแจ้งมายังกระทรวงเพื่อให้รวบรวมข้อมูลเพื่อส่งศาลตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อศาลมีคำสั่ง ทางกระทรวงก็จะแจ้งกลับไปยังตำรวจ ตำรวจจึงแถลงในรายละเอียดตามที่เห็น
          
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยืนยัน กระทรวงไม่มีนโยบายเจาะจงว่าเป็นสื่อหรือไม่ มีโพสต์อื่นๆ ที่ยื่นส่งศาลไป ทั้งที่เป็นนักข่าวและไม่ใช่ ซึ่งอะไรที่เข้าข้อกฎหมายและผิดจริงๆ เราไม่ได้อยากดำเนินคดี แต่เมื่อเกิดขึ้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ส่วนกรณีอีก 3 สื่อ ยังไม่มีคำสั่ง ซึ่งกระทรวงไม่ได้มีอำนาจ เมื่อส่งไปศาล หากศาลมีคำสั่งก็แจ้งต่อ หลายอันเป็นการโพสต์ภาพต่อๆ กันมา เมื่อมีคำสั่งก็ได้ติดต่อไปทุกหน่วยทุกสำนักงาน แจ้งว่าหากมีอะไรที่ลบได้ ไม่ได้มีเจตนา มีความสุ่มเสี่ยง เราก็แจ้งเตือน หากไม่หยุดเราก็ต้องส่งต่อ
          
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ตรวจสอบทั้งหมด ได้ดำเนินการส่งศาลหมด ในเรื่องการพิจารณาหรือคำสั่งศาล กระทรวงไม่สามารถก้าวก่าย หรือก้าวล่วงได้ มีหลายชิ้นที่เรายังไม่ได้นำเสนอ แต่ก็ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทั้งหมด ไม่ได้ดูว่าเป็นใคร แต่ส่งเท่าที่มีข้อมูลหลักฐาน และคำสั่งศาล อาจลงมาไม่พร้อมกัน โดยพยายามรวบรวมและรายงานให้ ภาพรวมตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. ที่เข้าข่ายตามกรอบกฎหมาย มีประมาณ 400,000 กว่า URLs
          
โพสต์ที่เห็นเป็นหลักฐานทั้งหมด ให้เจ้าหน้าที่คัดกรองตรวจสอบที่เข้าข่ายความผิดและทยอยดู ไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือเจาะจง
          
ขณะเดียวกันข้อมูลที่ส่งไปแล้วและมีคำสั่งศาลออกมา ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนอันอื่นๆ พยายามอธิบายขั้นตอนตามที่เราเข้าใจ ด้วยความเป็นสื่อมวลชน แต่ละคนทราบดีว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ เพราะวงการสื่อมวลชนมักจะรู้กฎหมายอยู่แล้ว แต่หากยังละเมิด เราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
          
นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า การไลฟ์สดสามารถทำได้ แต่หากไลฟ์สดแล้วมีข้อมูลเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่ในไลฟ์ หากเป็นไปได้ก็ไม่ควรไลฟ์สดตอนนั้น อาจจะเอาลง ปิดเสียง เพื่อไม่ให้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน หรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย เพราะจะถือว่ามีความผิดด้วย เมื่อพูดว่าสื่อ หลายๆ คนทำตัวเป็นสื่อออนไลน์ ตามที่มีชื่อในคำสั่งจากตำรวจ ว่า เป็นกรณีที่มีความสุ่มเสี่ยง เรามีหน้าที่เก็บรวบรวมหลักฐานและส่งไป ที่เหลือขึ้นอยู่กับทางศาลจะพิจารณา
          
ส่วนกรณีที่ Voice TV ต้องดูว่าคำสั่งศาลออกมาว่าอย่างไร หากต้องการเปิดบัญชีใหม่ ช่องทางเพจใหม่ โดยไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ก็ถือว่าสามารถทำได้

"ดีอีเอส"แจงปมปิด"วอยซ์-เยาวชนปลดแอก"

นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 มีคำสั่งศาลให้กระทรวงดีอีเอส ทำการปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากขัดต่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2 รายการ คือ 1.วอยซ์ทีวีออนไลน์ และ 2.เยาวชน ปลดแอก หรือ Free Youth ซึ่งกระทรวงดีอีเอส ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เฝ้าระวังติดตามการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย

"กระทรวงมีหน้าที่เฝ้าระวังตามคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่กระทรวงไม่มีอำนาจปิด ต้องมีคำสั่งจากศาลเท่านั้น ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน กระทรวงและตำรวจทำงานร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงเข้าร่วมด้วย โดยการตรวจสอบสื่อออนไลน์บางสื่ออาจมีเนื้อหาที่ไม่ขัดต่อกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2563 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขณะเดียวกันหากผิดพ.ร.บ.คอมฯ ด้วยจะทำให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น" นายภุชพงค์ กล่าว
          
นายภุชพงค์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามกระทรวงมีหน้าที่เฝ้าแพลตฟอร์มที่ให้บริการบนอินเทอร์เน็ต เท่านั้น โดยขณะนี้ยังไม่พบการกระทำความผิดของสื่อออนไลน์อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จะต้องเฝ้าระวังเป็นรายวัน

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง