การเมือง
"บิ๊กตู่"เห็นชอบปรับปรุง"แผนปฏิรูปประเทศ" 6 ประเด็น
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 7 มีนาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับทุกหน่วยงาน เดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศที่ปรับปรุงใหม่ 6 ประเด็น จากแผนการปฏิรูป 13 ด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าแผนปฏิรูปประเทศจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
ทั้งนี้ ล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) กำหนด 6 ประเด็น ปรับปรุง ได้แก่ (1) การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดในระดับแผนให้ชัดเจน สามารถวัดผลการดำเนินการได้ (2) การปรับตัดกิจกรรมที่เข้าข่ายเป็นภารกิจปกติของหน่วยงานและคัดเลือกเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock)
(3) การทบทวนกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ โดยคัดเลือกเฉพาะกฎหมายที่มีความสำคัญ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของการเสนอกฎหมาย (4) การทบทวนข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ
(5) พิจารณาความเห็นของหน่วยงานรับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศ (6) ปรับเค้าโครงของแผนการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
“การปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศดังกล่าว สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญเร่งด่วนและดำเนินการร่วมกันหลายหน่วยงาน สามารถดำเนินการและวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ในช่วงปี 2564 - 2565” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
รัฐบาลปิ๊งไอเดียเปิดโครงการ'SME คนละครึ่ง' คาดเริ่มกลางปีนี้
ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี? เปิดเผยว่า? รัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติม ในลักษณะร่วมกันจ่ายกับ SME (Co-payment) มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 50-80 สำหรับค่าใช้จ่ายในการขอทดสอบผลิตภัณฑ์ จดทะเบียนหรือขอใบรับรองมาตรฐานต่างๆ และการปรึกษาทางธุรกิจ เช่น มาตรฐานการบัญชี มาตรฐานสินค้าเกษตร (มกอช.) มาตรฐานอาหาร (อย.) ซึ่งที่ผ่านมาการขอรับบริการทางธุรกิจต่างๆ มีค่าใช้จ่ายสูง เป็นต้นทุนสำคัญของการประกอบการ และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของเอสเอ็มอีไทยด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวโครงการ SMEs’ Co-payment ในกลางปีนี้
ทั้งนี้ นอกจากจะลดภาระค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ เอสเอ็มอีไทยที่มีอยู่กว่า 3.1 ล้านราย สามารถตัดสินใจเลือกพัฒนาคุณภาพและขอรับมาตรฐานสินค้าและบริการที่ตรงความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรมแต่ละราย สร้างโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมาตรฐานสากลด้วย
นายอนุชา กล่าวอีกว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ริเริ่มแนวทางเพื่อสร้างทางเลือกให้กับ SME ในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ได้ตรงตามความต้องการได้มากขึ้น สสว. จากผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service: BDS) โดยสสว. จะให้การเงินสนับสนุนแบบร่วมจ่าย (co-payment) โดยมีค่าใช้จ่ายที่สามารถขอรับการสนับสนุน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการอบรมพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ ค่าใช้จ่ายในการทดสอบและรับรองมาตรฐาน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดลองผลิตระดับอุตสาหกรรมและการออกแบบ ค่าใช้จ่ายในการขยายโอกาสทางการตลาด ค่าใช้จ่ายในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา รวมทั้งค่าตอบแทน เช่น ค่าที่ปรึกษา ค่าผู้เชี่ยวชาญ ค่าวินิจฉัย เป็นต้น โดยคุณสมบัติของเอสเอ็มอีต้องเป็นธุรกิจที่มีการยื่นชำระภาษีและขึ้นทะเบียนสมาชิกกับ สสว.
“ล่าสุดรัฐบาลได้มีการปรับกฎเกณฑ์ด้วยการออกกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 เพื่อเอื้อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่ง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 22 ธ.ค. 2563? นอกจากนี้แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังได้มีการหารือเพื่อปรับปรุงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Softloan) ให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เข้าถึงซอฟท์โลนได้ง่ายและมีวงเงินกู้สูงขึ้น รวมทั้งแนวทาง asset warehousing เพื่อช่วยเหลือไม่ใช้ทรัพย์สินธุรกิจที่ยังมีศักยภาพต้องถูกยึดหรือปิดตัวลง ซึ่งรายละเอียดจะนำสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเร็ววันนี้” นายอนุชา กล่าว
รองโฆษกฯกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำว่าให้ทุกหน่วยงานการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปแต่ละด้าน ที่ได้กำหนดกิจกรรม Big Rock รวมทั้งสิ้น 62 กิจกรรม ให้มีความเป็นเอกภาพ บูรณาการ เป็นธรรมทั่วถึง เพียงพอและยั่งยืนด้านการเงินการคลัง
ทั้งนี้ มี 7 ประเด็นที่หน่วยงานต่างๆจะต้องบูรณาการร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป ได้แก่ การพัฒนาคน การท่องเที่ยว การเตรียมพร้อมและการพัฒนาผู้สูงอายุ การลดอุปสรรค์ในการดำเนินชีวิตและลดขั้นตอนทางธุรกิจ การกระจายอำนาจ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ การมีส่วนร่วมและการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรี ขอให้หน่วยงานต่างๆได้ร่วมมือกัน ทำงานด้านการปฏิรูปให้เห็นผลโดยเร็ว
สำหรับ แผนการปฏิรูปประเทศ 13 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเมือง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านสังคม ด้านพลังงาน ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง
- “อนุทิน” เปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาพื้นที่เทศบาลเมืองชัยภูมิ ชูกลไกความร่วมมือรัฐ ประชาสังคมแกร่งหนุนการพัฒนาเมือง 25 เม.ย. 2567
- "ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง 25 เม.ย. 2567
- ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหลวงเดินหน้าลุยกวาดล้างยาเสพติด ตามนโยบายจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล 25 เม.ย. 2567
- "เศรษฐา" นำ ครม. แต่งชุดจิตอาสาพระราชทาน ศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง 25 เม.ย. 2567
- "สุวัจน์"ประชุมใหญ่กลับใช้ชื่อพรรคชาติพัฒนาตามเดิม ตั้งอดีตสส.ก้าวไกลเป็นรองหัวหน้าพรรค 25 เม.ย. 2567
ข่าวในหมวดการเมือง
- "ดร.นิยม เวชกามา" เป็นประธานงานบุญประจำปีอำเภอพญาเต่างอย 22:08 น.
- "เศรษฐา" ไปแม่สอด 23 เม.ย. ติดตามสถานการณ์ปะทะฝั่งเมียนมา 22:04 น.
- ปลัดมหาดไทย เผยผลไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบสำเร็จ 28,236 ราย มูลหนี้ลดลง 1,083 ล้าน 17:14 น.
- ประชุมใหญ่ “ไทยสร้างไทย ก้าวต่อไปเพื่อคนตัวเล็ก” คึกคัก สุดารัตน์ ประกาศจุดยืนเป็นพรรคทางรอดประเทศไทย 15:41 น.
- ฝ่ายปกครองอำเภอกระนวน บุกจับผู้เสพยาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 30 เม็ด 15:11 น.