เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ชุดเล็ก หารือสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 นายกฯ แถลงว่า ขอให้ปีนี้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย เป็นรูปแบบนิวมอร์มอล ขอให้รดน้ำพ่อแม่ และพระพุทธรูปดีที่สุด ทำบุญแล้วต้องทำกุศลให้คนอื่นปลอดภัยด้วย ต้องเสียสละ มีจิตสำนึก รู้คิด รู้ทำ รู้ปฎิบัติ ด้วย ไม่แต่เฉพาะสงกรานต์ยังห่วงเทศกาลรอมฎอนด้วย
          
นายกฯ มองว่า ตอนนี้สถานการณ์โลกก็ยังน่าห่วง ในส่วนประเทศไทย ขออย่าไปสถานที่อโคจร ขอให้ทุกคนระวังตัว รัฐบาลมีหน้าที่ลดความแตกแยก เพราะทุกคนคือคนไทยที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ การบริหารจัดการคือการนำวัคซีนเข้ามาและแนวทางการฉีดให้ครอบคลุม และจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม
          
ในการประชุมวันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุขและมีเอกชนด้วย โดยมีนพ.ปิยะสกล สัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์ ศบค. เป็นประธาน เพื่อจัดหาวัคซีนเข้ามาเพิ่มอีกอย่างน้อย 5,000,000 โดส จากที่ขณะนี้วางแผนว่าจะนำเข้ามา 35,000,000 โดส หากวัคซีนเข้ามาเพิ่มก็จะฉีดให้ประชาชนได้เพิ่มขึ้นประมาณ 40,000,000 คน และในเดือนนี้ วัคซีนจะเข้ามาอีก 1,500,000 โดสประเทศไทยไม่ได้ล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ แต่เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ติดเชื้อแต่จะทำให้อาการน้อยลงหากติดเชื้อ นายกฯ ขอบคุณโรงพยาบาลเอกชน ที่พร้อมจะช่วยแบ่งเบาภาครัฐ ในวันนี้ มีตัวแทนจากหลายโรงพยาบาลเข้าร่วมประชุม เช่น รพ.กรุงเทพ รพ.วิภาราม รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นต้น
          
การบริหารจัดการวัคซีน ไทยพร้อมลดขั้นตอน แต่ต่างประเทศจะลดขั้นตอนและขายให้หรือไม่ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น มีการแย่งวัคซีน กรณีประเทศอินเดีย ประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ ยังต้องสำรองวัคซีนแอสตราเซเนกาไว้ให้กับประเทศตัวเอง เพราะผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
          
การประชุมวันนี้มีหลายหน่วยงานเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นพ.ปิยะสกล นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการวัคซีนแห่งชาติ
          
แจงสั่งปิดสถานบันเทิงค่อนประเทศเหตุห้ามคนเที่ยวไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์  แถลงถึงการระบาดโควิดจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อว่า ตนขอเน้นย้ำเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ไม่ควรไปในที่อโคจร นี่คือมนุษย์ไง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นายกฯจะไปสั่งห้ามคนไปมันก็ไม่ใช่ มันก็มีอย่างเดียวคือต้องปิดสถานบริการ ถูกไหมล่ะ วันนี้เราก็มีแผนปิดอยู่แล้วทั้งหมด วันนี้ 190 กว่าแห่งก็ปิดแล้ว และอีก 41 จังหวัดก็จะปิดตามมาอีก แล้วใครเดือดร้อน เดี๋ยวก็มาขอความช่วยเหลือจากรัฐอีก นี่ไงมันต้องร่วมมือกันทั้งหมด โทษกันไปกันมามันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น
          
"เดี๋ยวคนรวยติด คนจนติด เราจะไปแบ่งแยกคนได้อย่างไรเล่า คนทุกคนคือคนไทยไม่ใช่หรือเราต้องทำงานเพื่อคนไทยใช่หรือไม่ นายกฯ เข้ามาเพราะอย่างนี้นี่แหละ วันหน้าเขาจะกระจายวัคซีนเพิ่มเติมไปยังจังหวัดต่างๆด้วยต้องบริหารจัดการให้ดีก็แล้วกัน จะบอกว่าเราฉีดช้าฉีดเร็วมันไม่ใช่ มันอยู่ที่จำนวนวัคซีนที่เรามีอยู่ หลายประเทศได้มาโดยไม่ต้องซื้อ มีการบริจาคมาให้ประเทศรายได้น้อย หรือในช่วงนั้นอยู่ในขั้นตอนการทดสอบระยะที่สาม แล้วส่งมาให้เขาไปฉีดทดลอง เราเอาไหมล่ะแบบนั้น เราก็ไม่กล้าอีกใช่ไหม เพราะมาตรฐานเราดีอยู่แล้วไง ก็ต้องคัดกรองตรงนี้ ไม่ใช่เราฉีดช้ากว่าเขา ก็วัคซีนมีเท่านี้ อย่างภูเก็ตเราฉีดได้ว่าละ 14,000 คน ถ้าเต็มอำนาจเราก็ฉีดได้ ถ้าวัคซีนมี เพราะไม่ใช่วัคซีนบริจาค เราต้องซื้อเองทั้งหมด เราเป็นประเทศรายได้ปานกลางแล้ว ค่อนข้างสูงด้วย ต้องมองบริบททั้งหมดเรื่องนี้สำคัญที่สุด บริหารความเข้าใจบริหารความรู้สึกคนให้ได้ ลดความแตกแยก ลดความแบ่งแยกเป็นกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ ทุกคนคือประชาชนของประเทศไทย ผมเองก็ใช่ ในมุมหนึ่งผมเป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรีก็ใช่ แต่ผมคือประชาชนไหมล่ะ ทุกคนก็มีสิทธิ์ทุกคนก็เหมือนกันนั่นแหละ เท่าเทียมตามรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องกำหนดขั้นตอนเวลา ความเร่งด่วนความสำคัญ ใครอยู่หน้างานก็ต้องดูแลเขาหน่อยมั้ง" นายกฯ กล่าว
          
นายกฯ กล่าวว่า หลายคนอยากจะฉีดแต่ไม่รู้จะไปฉีดที่ไหน วันนี้ก็มีแอพฯ หมอพร้อม ก็แจ้งเข้ามา เขาจะนัดไปเอง ส่วนกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง พวกนี้ต้องรับการดูแล รัฐบาลสามารถใช้มาตรการต่างๆ เพิ่มเติม สงกรานต์ปีนี้ขอให้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัยได้ไหม สงกรานต์ New normal ที่ไหนก็ตามที่มีคนเยอะๆ ติดหมด เพราะบางคนไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ จิตสำนึก รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ คำสอนศาสนามีอยู่แล้ว และตนก็เป็นห่วงช่วงเทศกาลรอมฎอน ก็ขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุด

รัฐไฟเขียวเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกอีก 10 ล้านโดส  

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข,กรมควบคุมโรค,สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา,องค์การเภสัชกรรม,สถาบันวัคซีนแห่งชาติ,สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และภาคเอกชนอื่นๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีนและการวางแผนรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงเทพฯ ที่อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
          
เนื่องจากขณะนี้มีประเด็นในโซเชียลมีเดียว่า โรงพยาบาลเอกชนต้องงดบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากน้ำยาตรวจหมด แต่ในที่ประชุมวันนี้ โรงพยาบาลเอกชนแจ้งว่า น้ำยาตรวจยังมี แต่ที่เป็นปัญหาคือ มีข้อกำหนดจากกระทรวงสาธารณสุขว่า หากตรวจพบว่าติดเชื้อจะต้องให้ผู้ป่วยแอดมิดเข้ารับการรักษาทันที ซึ่งทำให้ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนต่างๆ มีเตียงไม่เพียงพอกับผู้ป่วย จึงต้องดบริการตรวจหาเชื้อไปก่อน นายกรัฐมนตรี จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ไปหาแนวทางแก้ไข โดยโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร สามารถขยายศักยภาพรับผู้ป่วยได้อีก 5,000 กว่าเตียง รวมทั้งจะเพิ่มทางเลือกรักษาตัวในโรงแรม และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จะหามาตรการผ่อนคลายให้กับโรงพยาบาลเอกชน ในการส่งต่อผู้ป่วยติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลอื่นที่ยังสามารถรับผู้ป่วยได้ และในกรณีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการไม่มาก อาจพิจารณาในการพักรักษาตัวที่อื่นโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
          
ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้ ภาครัฐจัดหาได้ประมาณ 75 ล้านโดส สามารถฉีดให้กับประชากร 35 ล้านคน แต่กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่าหากจะให้ประชาชนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะต้องฉีดวัคซีนในประชาชนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน ดังนั้นจึงยังขาดวัคซีนอีก 10 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับประชาชนอีก 5 ล้านคน ซึ่งโรงพยาบาลเอกชน เสนอตัวนำเข้าวัคซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แต่ที่ผ่านมามีข้อติดขัดคือ บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ ต้องการหนังสือรับรองจากภาครัฐ จึงขอให้หน่วยงานของภาครัฐ ออกหนังสือรับรองให้ หรือให้องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อเข้ามาแล้วให้โรงพยาบาลเอกชนแบ่งซื้อไปฉีดให้กับประชาชนอีกต่อ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับทุกข้อเสนอ จึงแต่งตั้งให้ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะทำงานจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยมีองค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันหาแนวทางและเสนอให้นายกรัฐมนตรีรับทราบภายใน 1 เดือน เพื่อเร่งจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เร็วที่สุด
          
นายกรัฐมนตรี ยังเป็นห่วงเรื่องการฉีดวัคซีน จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดฉีดให้เร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขสามารถฉีดให้ประชาชนได้วันละประมาณ 10,000 คน โดยที่จังหวัดภูเก็ต สามารถเร่งฉีดให้ประชาชนได้ถึงวันละ 14,000 คน โดยหลังจากนี้ จะพิจารณาเรื่องการฉีดวัคซีน ให้สามารถเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งจะมีการกระจายวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเติม เนื่องจากมีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนค่อนข้างมาก