วันพุธ ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 22:48 น.

การเมือง

15พ.ค.!ศบค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3,095 รายตาย 17 ราย

วันเสาร์ ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 08.46 น.

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) รายงานสถานการณ์ ล่าสุดสรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ณ วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 รวม 3,095 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 2,218 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ ที่ต้องขัง 877 ราย หายป่วยกลับบ้าน 1,351 ราย ผู้ป่วยสะสม 70,282 ราย เสียชีวิต 17 ราย

"สมศักดิ์"ลุยตรวจเชิงรุกเรือนจำ100%สั่งตั้งรพ.สนามรับมือ"โควิด"ถล่มคุก
 
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงแผนงานการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ที่กระจายเข้าสู่เรือนจำว่า จากนี้ในส่วน 8 เรือนจำ/ทัณฑสถานในพื้นที่กทม. และอีก 4 เรือนจำ/ทัณฑสถานในเขตปริมณฑล มีความจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิดให้ผู้ต้องขัง 100% เพื่อป้องกันการลุกลามและแพร่กระจายภายในเรือนจำ ทางกรมราชทัณฑ์มีความห่วงใย ในสภาวการณ์ของการระบาด เพื่อให้ญาติผู้ต้องขังและสังคมสบายใจ โดยทางกรมจะรีบประสาน โรงพยาบาลแม่ข่าย กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณหลัก จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้เข้าช่วยในการตรวจหาเชื้อในครั้งนี้ ส่วนเรือนจำในต่างจังหวัดก็มีความจำเป็นต้องยกระดับการป้องกัน โดยใช้แนวทาง บับเบิ้ล แอนด์ซีล เพื่อความปลอดภัย เช่นกัน

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ทุกเรือนจำทั่วประเทศจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทำโรงพยาบาลสนาม ซึ่งอาจจะต้องกันแดนไว้ 1 แดนเพื่อจัดทำโรงพยาบาลสนาม เตรียมพร้อมรับมือ และหากเรือนจำใดไม่มีพื้นที่ในการจัดทำโรงพยาบาลสนาม ก็ให้วางแผนไปใช้พื้นที่ของทัณฑสถานเปิด หรือสถานกักกัน ปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลสนาม ขณะเดียวกันในบางจังหวัด อาทิ ภูเก็ต เพชรบุรี และนราธิวาส ที่มีเรือนจำเก่า อาจจะต้องนำเรือนจำเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลสนาม ในส่วน กทม. ได้สั่งการให้ กลุ่มงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง พื้นที่โดยรอบบ้านสวัสดี ที่อยู่ในบริเวณด้านหน้าของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทำโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม และในช่วงนี้ให้เรือนจำทุกแห่งประสานไปยังศาล เพื่อขออนุญาตชะลอการส่งตัวผู้ต้องขังไปเข้ากระบวนการระยะหนึ่ง
          
“จากนี้ไปกระทรวงยุติธรรม ที่เป็นผู้กำกับงานกรมราชทัณฑ์ มีความจำเป็นต้องของบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่จะใช้ในเรือนจำ เช่น ชุด PPE เครื่องวัดอุณหภูมิความดันออกซิเจน รวมถึงนำไปปรับปรุงโรงพยาบาลสนาม และแดนกักโรคที่มีมาตรฐานมากกว่าเดิม ซึ่งทางกองบริการทางการแพทย์ กรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้พิจารณาว่าในแต่ละพื้นที่จะใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง เวลานี้กำลังตรวจสอบถึงเหตุผลการของบประมาณ ผมจะพยายามนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด และในวันพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปติดตามงานที่กรมราชทัณฑ์” นายสมศักดิ์ กล่าว

มท.สั่งผู้ว่าฯ เตรียมพร้อม 4 แผน เร่งฉีดวัคซีนให้ ปชช.

ายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้เรื่องของวัคซีน covid19 เป็นวาระแห่งชาติ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 พ.ค. โดยรัฐบาลจะให้ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินนโยบายต่าง ๆ อย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีด เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยให้เร็วที่สุด และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายในการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 13 พ.ค. โดยให้จังหวัดเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีน
          
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว เหมาะสม ทั่วถึง ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์การบริหารจัดการวัคซีน (Incident Commander : IC) โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
          
1.การจัดเตรียมสถานที่ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ รองรับการฉีดวัคซีนให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ลงทะเบียนในพื้นที่ อย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง โดยประสานสถานที่จากภาคราชการและเอกชนที่มีความพร้อมตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และประสานหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เพิ่มเติมข้อมูลสถานที่ฉีดวัคซีนของจังหวัดทุกแห่งเข้าในระบบของแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" รวมทั้งซักซ้อมระบบการฉีดวัคซีนให้มีความพร้อมภายในวันที่ 28 พ.ค.2564
          
2.การลงทะเบียนฉีดวัคซีน ให้วางระบบการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโดยใช้กลไกระดับพื้นที่ เช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน/ชุมชน อาสาสมัคร คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) หรือผู้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมอบหมาย แบ่งมอบพื้นที่เพื่อดำเนินการ โดยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและความเชื่อมั่นกับประชาชน ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้มากที่สุด เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต และให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาและยุติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นผลให้สามารถดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เข้าสู่ภาวะปกติ
          
รวมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีนโดยใช้แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" เป็นช่องทางหลักในการลงทะเบียนฉีดวัคซีน สำหรับกรณีที่ประชาชนที่ไม่มีความพร้อมในการใช้แอปพลิเคชัน หรือไม่สามารถยืนยันการจองฉีดวัคซีนในแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ได้ อาจพิจารณาดำเนินการในช่องทางอื่นๆ ที่สามารถส่งต่อหรือเชื่อมโยงข้อมูลกับแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ได้แก่ การใช้ระบบหรือวิธีการอื่นที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเห็นสมควร การลงทะเบียนโดยเจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมอบหมาย และการลงทะเบียน ณ จุดรับลงทะเบียนที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด

3.ให้วางระบบการฉีดวัคซีน ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เข้ารับบริการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างครบถ้วน โดยให้โรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุขทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการการฉีดวัคซีน

4.วางระบบการติดตามผลข้างเคียง หรือผลกระทบภายหลังจากการฉีดวัคซีน พร้อมจัดระบบการช่วยเหลือหากเกิดกรณีมีอาการไม่พึงประสงค์

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง