วันศุกร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 05:29 น.

การเมือง

ถาม"อนุทิน"! แผ่นดินไทยไม่มียารักษาโควิด-19หรือ ถึงนำเข้ายาต่างชาติเม็ดละ 550 บาท

วันจันทร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 11.57 น.

"รฎาวัญ-สภาการแพทย์แผนไทย-สมาคมผู้ผลิตยาสมุนไพร" ออกโรงถาม "อนุทิน" ไม่มียาในแผ่นดินไทยรักษาโควิด-19หรือ จึงจะนำเข้ายาต่างชาติราคาเม็ดละ 550บาท สร้างความสะเทือนใจวงการแพทย์แผนไทย"เรามียาสมุนไพรดีราคาถูกกว่าหลายเท่าทำไมกระทรวงสาธารณสุขไม่เห็นคุณค่า ทำไมต้องยืมจมูกต่างชาติหายใจ"

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564   นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและประธานองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เปิดเผยว่า ในขณะนี้มีข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ เพื่อทดแทนยาฟาวิพิราเวียร์ มีการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นยาชนิดแรกที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาโรคโควิด-19โดยตรงออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัส ไม่ให้เพิ่มจำนวนได้ ราคาเม็ดละประมาณ 550 บาทนั้น ตนรู้สึกผิดหวังต่อบทบาทของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่เป็นหน่วยงานระดับกรมในสังกัดซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมพัฒนาตำรับยาแผนไทยโบราณให้เป็นที่ยอมรับแล้วนำมาใช้ อย่างที่ควรจะเร่งดำเนินการตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญและแผนยุทธศาสตร์ชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่รู้เลยหรือว่าประเทศไทยเรามียาสมุนไพรหลายตำรับที่รักษาโควิด-19ได้ผลจริงและมีบันทึกไว้ในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์สมัยในหลวงรัชกาลที่๕ ทำไมไม่นำมาใช้ ทำไมต้องนำยาของต่างชาติมาใช้ ทั้งๆที่ตำรับยาแผนไทยก็รักษาโควิด-19ได้ผลจริง

ทางด้านพลเรือเอกชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทยกล่าวว่า กรณีดังกล่าวนี้คำถามคือ ประชาชนคนไทยควรดีใจ หรือเสียใจกันแน่ สำหรับผมแล้วผมทั้งเสียใจและเศร้าใจกับแนวคิดการฝากชีวิตประชาชนคนไทยไว้กับต่างชาติ โดยไม่คิดพึ่งพาตนเอง เราหมดภูมิปัญญาชาติแล้วหรือ ทั้งๆที่มีงานวิจัยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร กระชายขาว โกฐจุฬาลัมพา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีใช้ทุกครัวเรือน และมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสเช่นเดียวกัน ยังไม่นับรวมถึงตำรับยาแผนไทยซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาห้าราก ยาจันทลีลา ยาเขียวหอม รวมทั้งภูมิปัญญาพื้นบ้าน ตำรับยา และสมุนไพรเหล่านี้ ได้มีการใช้ดูแล รักษาผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 โดยคลินิกแพทย์แผนไทยอาสา และเครือข่ายได้ผลดีเป็นที่ประจักษ์ สามารถพิสูจน์ได้ไม่แพ้ยาจากต่างประเทศที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการนำเข้า แทนที่จะตั้งคำถามถึงงานวิจัย สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งคือการสนับสนุนให้มีการวิจัยสมุนไพรและยาตำรับเหล่านี้เป็นเป็นการเร่งด่วน คำถามทิ้งท้าย "เราต้องใช้จมูกคนอื่นหายใจไปอีกนานแค่ไหน" 
            
พท.ภ.บัญชา สุวรรณธาดา รองประธานองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า"ตำรับยาไทยกับโรคหวัดอุบัติใหม่ ถ้ามองดูให้ดีการดูแลรักษาสุขภาพ การสร้างภูมิคุ้มกัน การรักษาโรคหวัดอุบัติใหม่ด้วยพืชสมุนไพรที่มีภายในประเทศ ถึงแม้จะบอกว่าไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่ก็ถูกใช้สืบทอดกันมายาวนานหลายยุคหลายสมัย มีทั้ง เป็นบัญชียาหลักแห่งชาติ มีทั้งเป็นยาในคัมภีร์แพทย์แผนไทยที่ถูกต้อง เช่นตำรับจันทลีลา,ตำรับยาห้าราก,ตำรับตรี ผลาฯ หรือแม้แต่ยาเดี่ยว เช่นกระชายและฟ้าทะลายโจรที่ใช้ในช่วงวิกฤติของประเทศที่ผ่านมา(ประชาชนเขารู้ กันทั้งประเทศ)โดยองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของครูบาอาจารย์ แพทย์แผนไทยทุกภาคทั่วประเทศที่มีจิตบริสุทธิ์ต้องการช่วยเหลือวิกฤตของแผ่นดิน ได้ร่วมแรงร่วมใจกันปรุง ยาและแจกจ่ายไปให้กับประชาชนมากกว่า 1,300,000 เม็ดใช้กับผู้ที่ติดเชื้อถึง 3400 คนที่สำคัญคือได้ผล เป็นที่ประจักษ์นี่คือจุดแข็งของประเทศถ้าหากเรามองให้เป็น รัฐบาลน่าจะถือเอาเป็นโอกาสสำคัญในการใช้ภูมิปัญญาของประเทศไทยที่มีมาช้านาน ควรที่จะส่งเสริมและ สนับสนุนให้ใช้ภายในประเทศเพื่อป้องกันและรักษาโรคอุบัติใหม่ดังกล่าว นอกจากนี้ ถ้าประเทศไทยใช้ได้ผลดีอาจ เป็นช่องทางที่นำเสนอต่อชาวโลกได้ว่านี่คือหนึ่งในตัวยาจากพืชหรือยาฐาน Biobase ที่ประเทศไทยมี และควรพัฒนาในการส่งออกไปสู่ทั่วโลกได้ แต่กลับขาดการสนับสนุนหรือส่งเสริม ในขณะเดียวกันประเทศเรากำลังพึ่งพาผู้อื่นหรือที่เรียกว่ากำลังเอาจมูกต่างชาติมาหายใจ แล้วลูก หลานคนไทย ในอนาคตจะอยู่กันอย่างไรในเมื่อยาจากต่างชาติแพงแสนแพง ถามว่าเงินมาจากไหนที่ต้องไปซื้อยาต่างชาติมา อย่าตอบนะครับว่าไม่ใช่ภาษีของประชาชน ในขณะที่ยาไทยตำรับละแค่ไม่เกิน 300 บาทต่อ 1 ขวด บรรจุ 60 เม็ดก็ได้ผลดีมีความปลอดภัย ไฉนผู้บริหารประเทศจึงมองไม่เห็น อนิจจา...ไทยแลนด์"

นายเมธา สิมะวรา นายกสมาคมผู้ผลิตยาสมุนไพร กล่าวว่า "ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เช่นเดียวกับทุกประเทศ เมื่อคนอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำงานที่บ้าน work from home มากขึ้น การเดินทางย่อมลดลง การท่องเที่ยวทรุด สถานที่ต่างๆปิดให้บริการ ส่งผลให้ยาดม ยาอม ยาหม่อง น้ำมันนวด น้ำมันเหลือง ที่เคยขายดีมากนักท่องเที่ยวซื้อไปเป็นของฝากสร้างรายได้จำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ยอดขายก็ลดลง ตามที่มีข่าวว่าจะมีการนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์นั้น ทราบว่ายานี้มีราคาแพงมากเราจะสู้ราคาไหวหรือไม่ เราสามารถใช้ยาแผนไทยที่มีสรรพคุณที่ดีและมีราคาถูกกว่าหลายเท่ามาใช้แทนยาจากต่างชาติจะดีกว่าไหม ประชาชนและประเทศชาติน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า  ผมเชื่อมั่นว่าถ้าหากได้รับการสนับสนุนยาแผนไทยอย่างเต็มที่จากฝ่ายบริหาร ประเทศไทยเราจะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในการผลิตยาแผนไทยไว้ใช้รักษาสุขภาพคนไทยทุกคน และยังสร้างรายได้จากการส่งออกไปทั่วโลกได้อย่างเข้มแข็ง และยังจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่เกษตรกรได้ไม่น้อยครับ"

หน้าแรก » การเมือง