การเมือง
“สามารถ” ค้านออกกฎหมายลดโทษคดีทุจริตฉ้อโกงประชาขน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

“สามารถ” ค้านออกกฎหมายลดโทษคดีทุจริตฉ้อโกง จี้รัฐบาลตั้งกองบัญชาการปราบแชร์ลูกโซ่ตามยึดทรัพย์คืนประชาชนผู้เสียหายนับล้านคน พร้อมยกย่อง “ป้าทองศรี” สู้คดีในฐานะผู้เสียหายจนตายไปแล้วแต่ยังไม่ได้เงินคืน ลั่นขอเป็นตัวแทนประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโ.ซ่จนถึงที่สุด
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวชื่อ "สามารถ เจนชัยจิตรวนิช" ว่าผมได้เห็นข่าวที่พี่น้องประชาชนตลอดจนนักการเมือง จำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้มีการลดโทษของคดีทุจริตจำนำข้าวว่าไม่ยุติธรรมกลับกลายเป็นการสนับสนุนให้มีการทุจริตคดโกงมากขึ้น ผมจึงอยากให้พี่น้องประชาชนมองกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบในปัจจุบันนี้ การพิจารณาคดีกับนักการเมืองที่ทุจริตคดโกง เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากการผลพิจารณาตัดสินลงโทษอดีตรัฐมนตรีที่กระทำความผิด ไปแล้วหลายท่าน
ผมจึงขอหยิบยกงานวิจัยในต่างประเทศ ที่มีผลวิจัยออกมาว่า หากประชาชนในประเทศ มองเห็นการทุจริตคดโกงเป็นเรื่องปกติ ประเทศนั้นก็จะเกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นตามมา เริ่มตั้งแต่การซื้อสิทธิซื้อเสียง ทั้งที่มีการรณรงค์ต่อต้านการซื้อเสียงมาโดยตลอด ผมเห็นมาตั้งแต่ผมเด็กๆจนทุกวันนี้ก็แก้ไม่ได้ ล่าสุด มีส.ว.ท่านนึงบอกว่าการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นซื้อถึงหัวละหมื่นบาท
ถือว่าเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมอีกปัญหาหนึ่งที่พวกเราไม่ควรมองข้าม ก็คือ ปัญหาการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งอุบัติขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ.2520 หรือที่รู้จักกันในนามแชร์แม่ชม้อย จนถึงทุกวันนี้การฉ้อโกงประชาชนเป็นปัญหาระดับชาติที่ยังแก้ไขไม่ได้มาตั้งแต่สมัยผมเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน และทุกวันนี้มีพี่น้องประชาชนถูกหลอกลวงไปแล้วหลายล้านคน แต่ผมยังไม่เห็นหน่วยงานรัฐหน่วยไหนอาสาลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ถูกหลอก ถูกคดโกงอย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนจึงต้องแบกรับปัญหาตามลำพัง ตั้งแต่การรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี การติดตามทรัพย์ที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน เช่นกรณีแชร์บลิสเชอร์ซึ่งเกิดขึ้นในปีพ.ศ.2534 แล้วมาจับในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ.2537 คดีดังกล่าวใช้เวลาพิจารณาตัดสินคดี ในปี พ.ศ.2558 หรือเกือบ 21 ปี
ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณช่วงปี 2534 ได้มีกลุ่มธุรกิจกลุ่มหนึ่ง ชื่อ “บลิสเชอร์” และระบุว่าทำธุรกิจจัดสรรวันพักผ่อน หรือไทม์แชริ่ง โดยเปิดรับสมาชิกจำนวนมาก ผู้สมัครในชั้นแรกจะต้องจ่ายเงินจำนวน 30,000 บาท และจะมีสิทธิ์เข้าพักในโรงแรมต่างๆเป็นเวลา 4 วัน 4 คืนต่อปีนาน 20 ปี ที่น่าสนใจก็คือ หากผู้สมัครจัดหาสมาชิกเข้าร่วมโครงการจะได้ค่าตอบแทนอีก 20 % และหากสามารถจัดหาผู้สมัครรายอื่นเพิ่มเติมก็จะได้ค่าตอบแทนอีก 20 % โดยที่ผู้สมัครที่ให้การแนะนำเป็นคนแรกก็จะได้ค่าตอบแทนเช่นกันลดหลั่นกันไป สื่อมวลชนในยุคนั้นให้ความสนใจอย่างมากที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทดังกล่าว และเริ่มนำเสนอข่าวของธุรกิจไทม์แชริ่งพันธุ์ใหม่ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2535
เนื่องจากผู้ชักชวนมักจะกระตุ้นอยู่เสมอๆว่า หากหาสมาชิก เพิ่มได้อย่างน้อย 4-5 คน ก็จะคุ้มทุน 30,000 บาทที่เสียไปแล้ว แต่ถ้าหาสมาชิกได้จำนวนมากกว่านี้ รายได้จากเปอร์เซ็นต์ก็จะพอกพูนขึ้นตามจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของสื่อ ความจริงที่ปรากฏก็คือการชักชวนชาวไร่ชาวสวนจากต่างจังหวัดเพื่อให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก ด้วยการใช้รายได้จำนวนมหาศาลในการจูงใจ บางครั้งมีการนำเช็กที่สมาชิกบางคนได้รับมาโชว์ให้กับ “เหยื่อ” ที่กำลังสนใจได้ชมเป็นขวัญตาว่าหากทำได้จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน 5 หลัก 6 หลักเลยทีเดียว ขณะที่การต้อนคนจากพื้นที่ต่างๆ เพื่อเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกยังดำเนินต่อไป แต่อีกฟากหนึ่งก็เริ่มมีเสียงร้องเรียนจากคนที่เข้าไปสมัครเป็นสมาชิกแล้วไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่บลิสเชอร์กล่าวอ้าง จากนั้นหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับก็เริ่มนำเสนอข่าวนี้เป็นระยะๆ
ขณะที่กระทรวงการคลังที่ประกอบด้วยคณะกรรมการ ป้องปรามธุรกิจเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) ได้มีการจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ การเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ของบลิสเชอร์ มีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อกระทรวงการคลังได้ประกาศแถลงการณ์ให้ประชาชนระวังในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือร่วมลงทุนในธุรกิจใด เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2536 เมื่อมีข่าวคราวออกไปดังกล่าวทำให้ประชาชนเริ่มระวังตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การดำเนินการของบลิสเชอร์สะดุดตามไปด้วย ซึ่งบลิสเชอร์ก็พยายามแก้เกมด้วยการใช้วิธีการโฆษณาผ่าน สื่อต่างๆ และยังชักชวนให้คนที่สนใจสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกและพร้อมจะจ่ายผลตอบแทนให้ในอัตราที่สูง สุดท้ายคดีนี้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ ไม่มีใครติดคุก เงินจะคืนผู้เสียหายก็ไม่ได้คืน..
สิ่งเหล่านี้คือ ความยุติธรรมแล้วหรือ ?
ผมจึงอยากจะพูดให้เห็นว่า ปัญหาแชร์ลูกโซ่ยังอยู่ในมุมมืดที่ต้องได้รับการแก้ไข หากพิจารณาในเรื่องการอภัยโทษ หรือลดโทษในคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งขอหยิบยก กรณีแชร์แม่ชม้อยถูกศาลสั่งจำคุก 1.5 แสนปี แต่ติดคุกจริงเพียง 7 ปี 11 เดือน 5 วัน ลดเยอะกว่าคดีอื่นๆทุกคดี ดังนั้นหากจะกล่าวถึง การขออภัยโทษในคดีทุจริตจำนำข้าว ควรหันมามองปัญหาแชร์ลูกโซ่ด้วยว่าทุกวันนี้มีการตั้งหน่วยงานที่จะมารับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนแล้วหรือยัง มีการปฏิรูปแก้กฎหมาย
แล้วหรือไม่ มีกองทุนที่จะติดตามเอาทรัพย์สินที่ยึดมาแล้วมาเฉลี่ยคืนให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนแล้วหรือยัง ทั้งที่ในต่างประเทศเช่นประเทศจีนได้แก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่อย่างเป็นระบบและในฐานะที่ผมทำหน้าที่ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยจึงต้องการสื่อสารให้พี่น้องประชาชนคนไทยอีกหลายล้านคนที่เดือดร้อนในเรื่องนี้ว่า จะแก้การโกง ต้องให้ประชาชนคนในชาติไม่ถูกโกงก่อน วันนี้ผมขอเขียนไว้อาลัย ให้กับคุณป้าคนนึงที่เป็นผู้เสียหายคดีมันญี่ปุ่น คุณป้าทองศรี ด่านใหม่ คุณป้าสู้ในการติดตามคดีตั้งแต่โดนโกง จนคดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษคนโกงกับพวกไปแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ศาลอุทธรณ์ เนื่องจากจำเลยต่อสู้คดี.. คดียังไม่ถึงที่สุดก็ติดตามทรัพย์สินมาไม่ได้ ตามประมวลกฏหมายอาญา ที่จะต้องคืนทรัพย์สินต้องให้ศาลเป็นผู้สั่ง แต่แล้วคุณป้าทองศรี ก็ยังไม่ได้เงินคืน และ เสียชีวิตไปในที่สุด
ไม่ใช่คุณป้าทองศรี ที่ตายไปแล้วแต่ยังมีผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่จำนวนมากที่เสียชีวิตแล้วยังไม่ได้เงินคืน ไม่ว่าจะเป็นแชร์ตู้คอนเทนเนอร์ แชร์ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย... ก็ล้วนมีคนเสียชีวิตไปแล้ว
ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ รัฐบาลต้อง สังคายนากฏหมายการปราบปรามการฉ้อโกงประชาชน ต้องจัดตั้งกองบัญชาการปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนขึ้นมาทำหน้าที่ตรวจสอบจับกุม ขึ้นทะเบียน ยึดทรัพย์ มาคืนให้กับประชาชนผู้เสียหาย
ไม่อย่างนั่น เรือนจำก็ไม่อาจได้ปรับเปลี่ยนนิสัยของผู้กระทำผิด เพราะในอดีตมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว คดีแชร์ชาร์เตอร์ หลบหนีจนหมดอายุความ คดีแชร์บลิสเชอร์ ไม่ติดคุกเพราะประกันตัว แล้วหลบหนีชั้นฏีกา
วันนี้คดีโอดีแคปิตอล ผู้ต้องหาต่างชาติหลบหนี คนไทยประกันตัว ผันตัวมาหลอกลงทุนรูปแบบอื่นต่ออีก เรื่องแบบนี้ มันสาหัสกว่าจำนำข้าวมั้ย..ขอฝากสังคมช่วยกันด้วยนะครับ อย่างน้อยผมก็ขอพูดแทนผู้เสียหายนับล้านคนที่ไม่มีทางออก และไม่กล้าแสดงตัว แต่ทุกวันได้แต่ทนทุกข์ทรมาน
ท้ายสุดนี้ผมขอไว้อาลัยให้คุณป้าทองศรี ด่านใหม่ หลับให้สบาย ผมจะเป็นตัวแทนสู้ไปให้ถึงที่สุดครับ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- ปมชายแดนไทย – กัมพูชาเดือด! "นายกฯอิ๊งค์" ปะทะคารมกับนักข่าว จบเคลียร์ใจ 4 มิ.ย. 2568
- "ภูมิธรรม" ย้ำไทยไม่ยกระดับปมชายแดนกัมพูชาสู่ศาลโลก รอสัญญาณจากรัฐบาล ดันเรือดำน้ำ-เครื่องบินกริพเพนเข้าครม. 4 มิ.ย. 2568
- รัฐบาลเผยแผน “มหานครบันเทิงไทย” ดึงนักท่องเที่ยวทั้งปี ดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก 4 มิ.ย. 2568
- สื่อกัมพูชาทำรายงานระบุ "ทูต EU-อินโด จี้ ASEAN สร้างกลไกแก้ขัดแย้งชายแดนไทย 4 มิ.ย. 2568
- นายกฯสั่งกลาง ครม.ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ปัญหาชายแดน มอบดีอีตรวจสอบเฟกนิวส์ยั่วยุ มั่นใจ "เจบีซี" 14 มิ.ย.คลี่คลาย 4 มิ.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
เปิดชื่อ 73 กมธ.งบฯปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะชื่อประธาน-รองประธาน 20:02 น.
- "แพทองธาร" ยันทุกอย่างเกิดขึ้นได้! รับฟังคำปรึกษาพ่อ แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องปรับ ครม. ยันคุย "อนุทิน" ได้เสมอ 18:37 น.
- “รองโฆษก พปชร.” ย้ำพร้อมทำหน้าที่ปกป้องเงินภาษีของ ปชช.ในชั้น กมธ.งบฯ ชี้เงินทุกบาทต้องเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ 18:09 น.
- อธิบดีกรมพัฒน์ เปิดฝึกอบรมการใช้เทคโนโลยี เพิ่มศักยภาพและรายได้ให้คนพิการนนทบุรี 18:07 น.
- “โฆษก กธ..” ขอบคุณ สส.ยกมือผ่านร่างงบฯ 69 วาระแรก ยัน กมธ.งบฯในส่วนพรรคกล้าธรรม จะพิจารณางบให้รอบคอบ 18:02 น.