วันที่ 20 ธ.ค.64 นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร New Dem หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ บุตรชาย นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปปัตย์ เปิดเผย ถึงลงพื้นที่ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ ที่ลงพื้นที่บางขุนเทียน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่า ได้รู้จัก และ พูดคุยกับนายชัชชาติมาร่วมปีเศษ และ ท่านอยากให้มาช่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น พัฒนาพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ และ การลดฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นงานที่ตัวเองถนัด ที่เรียนมาจากต่างประเทศ รวมทั้งยังผ่านการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมให้องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) และยังเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกด้วย และที่สำคัญคือเป็นกระบอกเสียงแก่คนรุ่นใหม่ และ ขับเคลื่อนกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ในกรุงเทพฯในอนาคต

ดังนั้นเมื่อมาร่วมงานกับนายชัชชาติ จึงขอหยุดพักการเมืองระดับชาติเอาไว้ก่อน และ มาทุ่มเทกับการพัฒนาเมืองหลวง และการเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.นายชัชชาติ อยากสื่อให้เห็นภาพ3 เจน คือนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม และตนเองคือคนรุ่นใหม่ ส่วนนายชัชชาติ เป็นตัวเชื่อมตรงกลางระหว่างช่วงวัย ส่วนเรื่องตำแหน่งในอนาคตได้ตกลงกับนายชัชชาติหรือไม่ หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. นายพรพรหม กล่าวว่า คุยแต่เรื่องกรอบการทำงานในเรื่องสิ่งแวดล้อม และ ช่วยดึงฐานคนรุ่นใหม่ ถือเป็นฐานเสียงที่สำคัญ และยังไม่ได้คุยเรื่องตำแหน่งใดๆ

เมื่อถามว่า การมาร่วมงานกับนายชัชชาติ ถือว่าเป็นการดึงฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายพรพรหม กล่าวว่า แล้วแต่จะมอง และอาจคิดได้ เพราะตนเคยอยู่องค์กร New Dem พรรคประชาธิปัตย์ และเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส. กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง ตนมาร่วมงานกับนายชัชชาติ นายพนิต(คุณพ่อ) ก็ไม่ได้ว่าอะไร และ ให้อิสระการทำงานและตัดสินใจทางการเมืองอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า นายพนิต จะออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมงานการเมืองกับนายชัชชาติในอนาคตหรือไม่ นายพรพรหม กล่าวว่า คุณนายพนิตชื่นชมแนวทางการทำงานในกรุงเทพฯของนายชัชชาติ ส่วนจะย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างเป็นทางการหรือไม่ ตนไม่ทราบต้องไปถามนายพนิต

"พนิต" โพสต์เก้าอี้ ผู้ว่าฯกทม. ชี้ชะตาด้วยเสียงคนรุ่นใหม่ 

ขณะที่นายพนิต  โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวเรื่อง "อนาคตของผู้ว่า ฯกทม.ขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่"ว่า ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเกิดกระแสความตื่นตัวทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจของคนรุ่นใหม่เป็นวงกว้าง จนทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้รับความสนใจจากสังคมมากขึ้น มีพื้นที่ในการแสดงความเห็นและมีคนรับฟังมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เพราะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าพวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้ แต่เดิมกลุ่มที่ตื่นตัวทางการเมืองจะเป็นกลุ่มนิสิต นักศึกษา หรือคนชั้นกลางในเมือง ตอนนี้นักเรียนมัธยม และคนรุ่นใหม่ในจังหวัดต่าง ๆ ก็ล้วนมีความตื่นตัวกันมากขึ้น เชื่อมต่อกันมากขึ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาสู่สนามการเมืองมากขึ้น นับเป็นความหลากหลายของสังคมประชาธิปไตย

และ 1 ในเรื่องที่คนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญมากตอนนี้ ก็คือเรื่อง การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี จะมีคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ผมฟันธงได้เลยว่า ผู้ว่าฯ ที่พวกเค้าอยากได้ ไม่ใช่ผู้ว่าฯแบบเดิม ที่มาโฆษณานโยบายว่าจะขุดนั่น เจาะนี่ สร้างนู่น แต่จริงๆแล้ว พวกเค้าต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี การบริหารที่มีประสิทธิภาพและทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม กทม.

ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ลงสมัคร ผู้ว่ากทม.ในครั้งนี้ทุกท่านนะครับ ผมหวังว่าท่านจะเป็นผู้ว่าฯคนรุ่นใหม่ของคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างสิ่งดีๆให้คนรุ่นใหม่ เอาใจช่วยครับ