เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565   ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า  กัญชาถ้าเสรีเกินไป อันตราย

ผมก็คงมีความกังวลเช่นเดียวกับคนอื่นๆซึ่งมีจำนวนมากถึงร้อยละ 72(นิด้าโพล) ต่อผลกระทบกัญชาในทางลบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะต่อกลุ่มเยาวชนและกลุ่มคนเปราะบางซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน
     
นายกรัฐมนตรีเองก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า การปลดกัญชาจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 โดยใช้วิธีออกระเบียบและข้อบังคับในภายหลัง ได้ก่อให้เกิดผลกระทบในหลายมิติ จนถึงกับออกปากว่า “ใครไม่เคยใช้ อย่าลองใช้” เรื่องนี้ก็ต้องโทษท่านนั่นแหละที่ไม่เข้มแข็ง (ทำได้แค่บ่น)
     
สำหรับกลุ่มแพทย์ที่มีจรรยาบรรณที่ดีทั้งหลายไม่ว่าจะมาจากโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และสมาคมวิชาชีพ ก็ได้ออกมาเตือนให้ประชาชนได้ตระหนักถึงผลร้ายของกัญชาที่จะมีต่อสมองและระบบประสาทของผู้เสพอิสระทั้งหลาย ในเรื่องเดียวกันนี้ กทม. กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก็ได้มีคำสั่งห้ามการจำหน่ายกัญชาและผลิตภัณฑ์จากกัญชาในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนทุกแห่งไปแล้ว (แสดงว่า มีปัญหาแล้ว)
     
ขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกตกใจ(นึกไม่ถึง) ที่ได้เห็นรัฐมนตรีสาธารณสุขลงทุน promote การใช้กัญชาโดยการตำส้มตำแถมรับประทานก๋วยเตี๋ยวใส่กัญชา พร้อมลูกน้องผู้บริหารจำนวนหนึ่งมาช่วยร่วมทานโชว์ด้วยอย่างเอร็ดอร่อย แถมบางกรมยังออกมาโฆษณาให้มีการใช้กัญชาให้มากๆอีกด้วย มันจำเป็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ ผมว่า มันเกินควร เกินหน้าที่ไปแยะเชียวนะ (ผมเคยเป็นรองนายกฯกำกับสธ.มาก่อนนะครับ)
     
เรื่องประกาศปลดกัญชาครั้งนี้ได้รับการวิจารณ์ว่า ไม่โปร่งใส เห็นได้ชัดว่า อะไรกันปลดเพียงวันเดียวก็มีกัญชาจำหน่ายกันเป็นแสนเป็นล้านต้น แต่ละต้นสูงเป็นศอกเป็นเมตร (อะไรจะโตเร็วขนาดนั้น) มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มผสมกัญชาพร้อมตู้แช่เย็นบริการตามมหาวิทยาลัย และตามโรงเรียน (เพิ่งยอมเลิกเมื่อเช้าเพราะทนแรงต้านจากสังคมไม่ไหว) เขาลือกันว่า ตอนนี้มีการแอบขนกัญชาทั้งใบทั้งดอก ทั้งเปียกทั้งแห้งจำนวนมหาศาลเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศไทยมีโรงงานแปรรูป (ของใคร?) พร้อมอยู่
     
ผมขอเตือนบรรดาคนไทยทั้งหลายที่จะเดินทางไปต่างประเทศว่า ให้เตรียมตัว ต่อไปนี้พวกคุณจะถูกตรวจค้นอย่างยับเยิน (ไม่ใช่ตรวจCOVID) เพราะเขากลัวเราพกกัญชาติดตัวไปด้วย เรื่องมันเดินมาถึงแค่นี้แล้วจะทำอย่างไรได้ นอกจากภาวนาขอให้สภาฯออกกฎหมายกัญชามาโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งมีสารัตถะที่ครอบคลุมคุ้มครองไม่ให้กัญชาเป็นเภทภัยต่อสังคมและประเทศ เพราะข้อดีของกัญชาทางการแพทย์ก็มีมากอยู่
     
เมื่อเช้าได้ดูรายการทีวีของคุณดนัย ซึ่งได้ปรารภว่า จะเลิกรายงานสถานการณ์COVIDแล้ว แต่จะหันมารายงานคนติดกัญชา คนป่วย/คนเสียสติเพราะกัญชาแทน ผมขอสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง นิด้าโพลเขาสำรวจมาแล้ว ประชาชนมากถึงร้อยละ 31 เขาเชื่อว่า ในท้ายที่สุดกัญชาจะถูกใช้เพื่อการสันทนาการ และอีกร้อยละ 22 เชื่อว่า กัญชาจะถูกเอามาเป็นอาหารและเครื่องดื่ม (ไหนว่า วัตถุประสงค์เพื่อการแพทย์ไง)
     
ผมเตือนเรื่องนี้มาก็ด้วยเป็นห่วงประเทศชาติและลูกหลานของพวกเราในอนาคต ในภายภาคหน้าอย่าให้ใครเขาตราหน้าประเทศไทยว่า เป็นแหล่งผลิต แหล่งเสพกัญชาติด Top 10 ของโลกเลย มันไม่โก้หรอก