วันอาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568 18:17 น.

การเมือง

"สุริชัย หวันแก้ว" หนุนสังคมไทย ส่งเสริมความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ ที่ไม่พัฒนาไปสู่ความรุนแรง

วันพฤหัสบดี ที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2565, 17.10 น.

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2565   ที่ห้องประชุมสถาบันพระปกเกล้า  ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะกรุงเทพมหานคร   พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร   นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่13 เปิดเผยว่า เข้าเรียนรู้ภายใต้ “หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่  13 ” จัดโดยสถาบันพระปกเกล้า โดยได้รับฟังการบรรยายจากศาสตราจารย์สุริชัย หวันแก้ว รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  หัวข้อ "แนวคิดพื้นฐานและองค์ความรู้ใหม่ (State of the art) ว่าด้วยความขัดแย้งและสันติภาพ แลกเปลี่ยน 

ศาสตราจารย์สุริชัย ได้สะท้อนประเด็นสำคัญว่า ควรส่งเสริมความขัดแย้งแต่ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง ซึ่งความขัดแย้งแบบสร้างสรรค์ได้ เพราะความขัดแย้งเป็นหนึ่งของสังคม ซึ่งมหาวิทยาลัยในบางบริบทมีความคับแคบ จึงต้องออกมาเรียนรู้โดยโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรง รวมถึงการฆ่าตัวของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยต้องตระหนัก ถือว่าเป็นความขัดแย้งที่แฝงความรุนแรงทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น 

โลกาภิวัฒน์ขับเคลื่อนเราด้วยโลภะ โทสะ โมหะ นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง รวมถึงไประบบชนชั้นในการตัดสินใจ ประเด็น การค้ามนุษย์ แรงงานทาสสมัยใหม่ สงครามการค้า ภูมิอากาศวิปริต  โรคระบาด ซึ่งมีปัญหาตั้งกรรมการแก้ซึ่งไม่ค่อยได้ผล เพราะผู้แก้ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้างปัญหา จึงมีความยากในการแก้ปัญหา เพราะติดเขาวงกต มีกับดักความคิด กับดักองค์กรและกับดักอำนาจ ซึ่งสังคมไทยมีความขัดแย้งมายาวนาน จึงต้องสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนให้มากขึ้นเพราะความขัดแย้งมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งประสบการณ์ความขัดแย้งความรุนแรงของประเทศไทย 15 + ปี ถามว่าเราเรียนรู้อะไร ? 

ความเหลื่อมล้ำเป็นเชื้อให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย (2547-2565)ช่องว่างเมืองชนบท โครงสร้าง การเมืองผู้ชนะกินรวบ ชนชั้น  เศรษฐกิจ ศาสนา ชาติพันธุ์ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงซึ่งมองภูเขาน้ำแข็ง ความขัดแย้งด้านกายภาพจะมองเห็นชัด ส่วนความขัดแย้งของโครงสร้างค่านิยมวัฒนธรรมอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งซึ่งแก้ไขยาก 

ในสถานการณ์โควิดเกิดความรุนแรงขึ้นหลายมิติ เช่น ครอบครัว โดยสันติวิธีมุ่งไม่ใช้อำนาจในการแก้ไขความขัดแย้งแต่อาศัยการพูดคุยสร้างการมีส่วนร่วม โดยทั้งโลกพยายามใช้ SDG คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มองเป้าหมายทั้งโลก ซึ่งพระพุทธศาสนามองระบบนิเวศของคนทั้งโลกให้ความสำคัญมากมิติธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ถือว่าเป็นความมั่นคงของชาติ จะต้องใส่ใจระบบนิเวศชาติจะต้องมีคนเราจึงให้ความสำคัญความขัดแย้งในระบบนิเวศ มองถึงการอยู่ร่วมกันในผืนพิภพเดียวกัน จึงต้องระวังความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เราควรพัฒนาสติสังคมไม่ใช่เพียงแค่สติส่วนบุคคล

แนวคิดพื้นฐานแบ่งออกความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ และ ความขัดแย้งเชิงทำลาย จึงนำไปสู่การป้องความขัดแย้ง  การจัดการความขัดแย้ง และการคลี่คลายความขัดแย้ง โจทย์คือ ฝ่ายจะแก้ปัญหาเป็นตัวปัญหา หรือ คู่ขัดแย้งได้ ซึ่งการใช้สันติวิธีจะต้องใช้ความร่วมมือของทุกฝ่าย เวลาเกิดความขัดแย้งจะเรียกนักสันติวิธีมาแก้เป็นความคิดที่ผิดแต่ควรสร้างความเข้าใจ ซึ่งการแก้ปัญหาความขัดแย้งควรใช้สหสาขาวิชา สันติวิธีจึงเป็นที่ยอมรับที่แพร่หลาย ซึ่งอัตลักษณ์ของคนมีความเปราะบางมากจึงต้องทำความเข้าใจ เช่น สตรีในมิติของศาสนาคือ มาลาลา แต่สุดท้ายจะต้องหาทางในการอยู่ร่วมกัน ความขัดแย้งควรได้รับการคลี่คลาย ซึ่งสันติภาพเชิงลบ อาจจะสงบแต่เป็นการกดไว้ แต่สันติภาพเชิงบวก มีความรักสามัคคี ถ้าบูรณาการกับหลักพุทธสันติวิธีคือ สังวรปธาน เป็นการมุ่งเน้นการป้องกันความขัดแย้งป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง เป็นวิธีการที่ดีที่สุด มุ่งสร้างความมั่นคงจากภายใน         

หน้าแรก » การเมือง