วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 13:17 น.

การเมือง

อำเภอพิบูลมังสาหาร นำครูและนักเรียนกว่า 3,000 คน ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันดินโลก

วันพุธ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 13.51 น.

อำเภอพิบูลมังสาหาร นำครูและนักเรียนกว่า 3,000 คน ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันดินโลก มุ่งขยายผลการอนุรักษ์ดิน และฟื้นฟูสภาพดินให้สมบูรณ์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชน 

วันที่ 14 ธันวาคม 2565   นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าในทรัพยากรดินเนื่องในโอกาสวันดินโลกในปี 2565 ซึ่งองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ได้กำหนดให้ปีนี้มีหัวข้อการรณรงค์ว่า อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน หรือ Soils, where food begins. โดยในช่วงวันที่ 2 – 8 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้เลือกให้ จ.อุบลราชธานี เป็นพื้นที่ Kick Off การสร้างความตระหนักรู้เนื่องในวันดินโลก ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ 7 อำเภอ ภายใต้แนวคิด “ดินดี อาหารดี สุขภาพดี ชีวีมีสุข” หรือ “Great food from good soil for better life awareness week” โดยเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค. 65) โรงเรียนพิบูลมังสารหาร นายพุฒิเมธ พวงจันทึก ผู้อำนวยการโรงเรียนพิบูลมังสาหาร ประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฯ 

พร้อมด้วย ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหารและที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู เจ้าหน้าที่และนักเรียนโรงเรียนพิบูลมังสาหาร เข้าร่วมกิจกรรมรวม 3,000 คน จัดกิจกรรมวันดินโลกประจำ ปี 2565 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เด็ก และเยาวชนได้รับรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรดิน และมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ดิน

นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร กล่าวว่า กิจกรรมวันดินโลกปี 2565 ที่โรงเรียนพิบูลมังสาหาร มีการจัดกิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมการเดินรณรงค์ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้เรื่องวันดินโลกให้แก่ประชาชน และภาคีเครือข่าย ให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดิน ตลอดจนสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน กิจกรรมการประกาศเจตนารมณ์ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจที่แน่วแน่และมุ่งมั่นที่จะสร้างทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ และขยายผลการสร้างความตระหนักรู้ในทรัพยากรดิน และการอนุรักษ์ดินอย่างยั่งยืน และกิจกรรมการปลูกต้นไม้ ณ บริเวณลานเกษตรภายในบริเวณโรงเรียนพิบูลมังสาหาร

ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหารและที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยภายใต้การนำของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีแนวทางในการขับเคลื่อนภารกิจต่าง ๆ ด้วยแนวคิด Change for Good ซึ่งในเรื่องของการขับเคลื่อนกิจกรรมการรณรงค์เนื่องในโอกาสวันดินโลกนี้ กระทรวงมหาดไทยมีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายความยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาติ หรือ UN ในทุกมิติ ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญในประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับเรื่องนี้ คือ เป้าหมายที่ 2 ที่เรียกกันว่า Zero hunger หรือ ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการ และส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน (End hunger, achieve food security and improve nutrition and promote sustainable agriculture) และเป้าหมายที่จะได้รับผลเกี่ยวเนื่องตามมาด้วย คือ เป้าหมายที่ 6 สร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาลให้มีการจัดการอย่างยั่งยืน และมีสภาพพร้อมใช้สำหรับทุกคน (Ensure availability and sustainable management of water and sanitation for all)

ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร กล่าวต่อว่า การสร้างความตระหนักรู้ให้เด็ก นักเรียน และเยาวชน รวมถึงประชาชน ได้เห็นถึงคุณค่าของดิน และเกิดจิตสำนึกนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการทำลายดินต่าง ๆ อาทิ การใช้สารเคมีในแปลงเกษตร การใช้แร่ธาตุในดินมากเกินไปจนไม่ได้ฟื้นฟู หรือรักษาดินทำให้ดินมีสภาพเสื่อมโทรม การปล่อยให้น้ำในดินระเหยออกไป ทำให้ดินแห้งและแข็ง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เราทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และโครงการตามแนวพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น การห่มดิน ซึ่งเป็นวิธีการง่าย ๆ ภายหลังจากที่เราปลูกต้นไม้ หรือปลูกพืชผักสวนครัวเรามีการพรวนดิน ทำให้ดินมีอากาศแทรกซึมเข้าไปอยู่ในดิน และเรารดน้ำลงสู่ดินทำให้ดินบริเวณดังกล่าวมีความชุ่มชื้น ซึ่งหลักการทางธรรมชาติการที่ดินจะรักษาความชุ่มชื้นเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ที่เราปลูกได้นั้น ก็ต้องใช้การห่มดิน เพื่อลดการระเหยของน้ำ ซึ่งจะช่วยในปฏิกิริยาต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งการดูดซึมแร่ธาตุ หรือสารอาหารในดินของพืช การเจริญเติบโตของรากพืชที่มั่นคง เมื่อเรารักษาดินดีแล้ว ดินของเราก็ย่อมไปเลี้ยงพืชทำให้เรามีพืชผลที่เจริญงอกงามตามมา นำมาสู่ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ ก่อเกิดความมั่นคงทางด้านอาหาร สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพได้ ซึ่งในการน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้นี้ ไม่เพียงแต่เรื่องการห่มดินอย่างเดียว ตัวอย่างโครงการที่กระทรวงมหาดไทย ได้นำมาขับเคลื่อนและประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ในหลายพื้นที่ ซึ่งนำรูปแบบมาจากเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นเกษตรแบบผสมผสาน คือ โคก หนอง นา ที่เรารู้จักนั่นเอง

นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นโครงการที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้ำควบคู่กัน เป็นการปรับปรุงพื้นที่ให้เลียนแบบธรรมชาติ มีทั้งระบบนิเวศที่เป็นหนองน้ำ มีป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง มีการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงไส้เดือน มีพื้นที่ทั้งโคก หนอง คลองไส้ไก่ มีตะพัก ระดับความลึกของสระ มีทั้งบริเวณตื้น และลึกทำให้น้ำได้สัมผัสกับแสงแดด จุลินทรีย์ต่าง ๆ ก็สามารถเติบโตได้ เป็นอาหารของสัตว์น้ำ ในส่วนของหนองน้ำ หรือคลองไส้ไก่ จะมีลักษณะ Free Form หรือ เป็นธรรมชาติ ดูแล้วเกิดสุนทรียภาพ สบายตา ความคดเคี้ยวของคลองไส้ไก่นี้เอง เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ดิน ซึ่งดินของเราก็จะสามารถเลี้ยงพืชได้ ต่อมาในเรื่องของโคกซึ่งเป็นเนินดินที่สูงขึ้นย่อมมีความอุดมสมบูรณ์เพราะมีความชุ่มชื้นจากน้ำ ทำให้ปลูกพืชผักสวนครัว พริก มะเขือ กล้วย ฯลฯ อะไรก็เจริญได้ดี เราจึงเรียกบริเวณโคกนี้อีกชื่อว่า หัวคันนาทองคำ เพราะเป็นเหมือนโรงงานผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ และมีความยั่งยืน ซึ่งในแปลงโคก หนอง นา นี้ จะประกอบไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพสูง และเป็นเกษตรแบบผสมผสาน รวมถึงเราจะนำปุ๋ยอินทรีย์มาใช้แทนปุ๋ยเคมี เพื่อเป็นการรักษาความสมบูรณ์ของดิน

นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้มีโครงการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซไข่เน่าที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน และยังเป็นการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์และอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน เสริมสร้างความสมบูรณ์แก่ดินอีกด้วย ถือเป็นการขับเคลื่อนภารกิจในการพัฒนาคน ให้คนไปพัฒนาพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน เป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อทำให้ชุมชนของเรา ประเทศของเรา และโลกของเรามีความยั่งยืนสืบไป

หน้าแรก » การเมือง