วันอาทิตย์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 17:21 น.

การเมือง

"ดร.นิยม เวชกามา"เตือนสติแบงค์ชาติเดินสายกลาง ประสานเสียงบิ๊กเพื่อไทยเชียร์ "อุ๊งอิ๊ง"

วันจันทร์ ที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 11.57 น.

วันที่ 6  พฤษภาคม 2567 จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคตนั้น  และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ "อุ๊งอิ๊ง" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ปาฐกถาหัวข้อ “เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ” ตอนหนึ่งว่า“ความเป็นอิสระของแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”  ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากผู้บริหารฝ่ายธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หรือแบงค์ชาติ นักการเมืองฝ่ายค้าน และสื่อมวลชน เสนอข่าวนี้อย่างกว้างขวาง
 
ขณะเดียวกัน คนฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยก็ออกมาโต้กลับบ้าง  ตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า  "ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้นที่ น.ส.แพทองธาร พูดเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนมากกว่า ส่วนตัวเข้าใจในความเป็นอิสระของแบงก์ชาติและมั่นใจ ว่าทำงานร่วมกันและให้เกียรติมาโดยตลอด เมื่อมีข้อเรียกร้องจึงได้เรียกร้อง เมื่อต้องพูดคุยก็พูดคุยกัน เรื่องดอกเบี้ยที่เห็นว่าควรต้องปรับลดลง แต่ผู้ว่าการแบงก์ชาติมีเหตุผลที่จะไม่ปรับลด จากนี้รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าพูดคุยกับ 4 ธนาคารใหญ่ เพื่อให้ลดดอกเบี้ยลง เชื่อว่าเป็นการทำงานยึดโยงกับประชาชนจากที่ลงพื้นที่รับฟังมาโดยตลอด ความเป็นอิสระ ก็เรื่องหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าการมาอยู่ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง เรามาอยู่เพื่อประชาชน แต่วิธีการแก้ไขปัญหามีข้อแตกต่างกันไป ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์กันได้"
 
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊ก "Phumtham Wechayachai" ว่า  “แบงค์ชาติ” ไม่ใช่องค์กร หรือสถาบันที่ “ประชาชน” จะกล่าวถึงหรือ “วิพากษ์ วิจารณ์ ”หรือ “แตะต้อง” ไม่ได้  เจตจำนงพรรคเพื่อไทยที่หัวหน้าพรรค นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้สื่อสารกับสังคมถึงกรณีแบงค์ชาติในวันประชุมของพรรคที่ผ่านมา

 "สำหรับผมคือการแสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจ และห่วงใยที่แบงค์ชาติยังยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิมโดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ ซึ่งประชาชน (ที่เป็นลูกหนี้แบงค์และประชาชนทั่วๆไป) กำลังเผชิญชีวิต ดิ้นรนอยู่ภายใต้ ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแสนสาหัส"

 แต่แปลกใจว่าทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล  ความเห็นดังกล่าวมีนัยยะที่สะท้อนถึงความห่วงใยต่อผลกระทบจากภาระทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งกำลังเดือดร้อน และแบกรับความยากลำบากอยู่  การแสวงหาแนวทาง มาตรการ ทางเลือก เพื่อช่วยกันคิด และจัดการภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นสิทธิที่สามารถพูดได้ ออกความเห็นได้ และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้  ไม่ว่าจะในฐานะพลเมือง หรือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความห่วงใยประชาชน ห่วงใยบ้านเมือง ผมเห็นว่าการแสดงความเห็นโดยสุจริตใจในครั้งนี้จะเป็นการกระตุกให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคิด ไตร่ตรองหาเหตุผลให้เห็นทางออกมากขึ้น
 "ความเป็นจริง แบงค์ชาติไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ตรงข้าม แบงค์ชาติคือกลไกของระบบเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ที่ประชาชนทุกฝ่ายเข้าถึง เสนอความคิดเห็นได้"

 แม้จะมีขอบเขตหน้าที่หลักทางเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้หมายความว่าแบงค์ชาติไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง และชีวิตของประชาชน การที่ประชาชนทั่วไปหรือพรรคการเมืองกล่าวถึงแบงค์ชาติ หรือวิพากษ์วิจารณ์ เสนอความเห็นต่อแบงค์ชาติ ก็ ไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการเสนอเพื่อให้มุมมองทางเลือกอื่นๆที่เหมาะสมมากกว่าในบริบทสถานการณ์ที่เป็นอยู่
 
"การที่สื่อบางบุคคล บางสำนักมีอคติต่อพรรคเพื่อไทย และนำความเห็นบางส่วนของหัวหน้าพรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง และขยายความตามอคติของตนบวกด้วยการใส่สีตีข่าว เป็นการทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง"

 "ผมเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วน ที่ยังติดยึดอยู่กับอคติเดิมแล้วการใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติและขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ก่อและปั่นกระแสขัดแย้งในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว" 
 
"ผมขอยืนยันว่า กรณีแบงค์ชาติยังเป็นประเด็นที่สังคมยังสะท้อนความเห็นและสื่อสารกันได้ โดยใช้ความรู้และปัญญาที่รอบด้านมากกว่าการใช้จินตนาการที่มีแต่อคติ  เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม" รองนายกฯภูมิธรรม ระบุ
 
ด้าน "ดร.นิยม เวชกามา" หรือ "ดร.มหานิยม" อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษารองนายกคนที่ 1 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่แพงมากๆใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ขณะที่ธนาคารมีกำไรมหาศาลต่อปี การแสดงความเห็นต่อนโยบายของแบงค์ชาติก็ไม่ได้หมายความว่าไปกดดันบีบบังคับท่านเพราะท่านมีความเป็นอิสระสูง แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า สิ่งใดมันตึงเกินไปจะขาด ต้องเดินสายกลาง

 "อย่าอคติกับรัฐบาลนี้ รัฐบาลที่ผ่านมาเคยกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท แบงค์ชาติทำอะไรอยู่ จนเป็นหนี้สาธารณะ 10 กว่าล้านล้านบาท แบงค์ชาติทำไมเงียบไม่ออกมาห้าม ต้องการคำตอบไม่ใช่ใบ้กิน"ดร.นิยม กล่าว
 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง