อัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯโดดช่วย “ยายสุข” อายุ 75 ปี หลังถูกแก๊งทวงหนี้ดอกโหดบุกทำร้ายร่างกายและพังร้านขายของ แนะลูกหนี้เดือดร้อนให้แจ้งอัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯได้ทั่วประเทศ ขู่แก๊งเจ้าหนี้ชอบใช้ความรุนแรงเจอลงโทษจำคุกเด็ดขาด

วันที่ 9 พ.ค.67 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน กล่าวว่าจากกรณีเหตุการณ์แก๊งทวงหนี้ได้บุกทวงหนี้และทำร้ายร่างกาย นางสุพัตรา เขียวต่าย หรือ “ยายสุข” อายุ 75 ปี อาชีพแม่ค้าขายข้าวไข่เจียว  เหตุเกิดที่บริเวณอาคารบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรีนั้น ตนได้แจ้งให้อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์ฯ จ.นนทบุรีไปพบคุณยายสุขเพื่อให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำแล้ว เพราะทราบว่านอกจากหนี้ดังกล่วที่เกิดเรื่องแล้ว ยังมีเจ้าหนี้นอกระบบอีกกว่า 10 ราย เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ให้ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตามขอเรียนว่าเมื่อลูกหนี้ไปขึ้นทะเบียนแก้หนี้ตามนโยบายรัฐบาลแล้ว หากเจ้าหนี้ไม่มาไกล่เกลี่ยหรือทำความตกลง และเกิดมีปัญหาการข่มขู่คุกคามตามมาขอให้ลูกหนี้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ของตัวเองเพื่อให้ความคุ้มครอง หรือให้ติดต่อไปอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์ใกล้บ้านมีทุกจังหวัด 122 สาขาทั่วประเทศเพื่อขอให้ช่วยคุ้มครอง ซึ่งจากปัญหาปัญหาการทวงหนี้ผิดกฎหมายแล้วมีการทำร้ายร่างกายและมีการคุกคามถือว่ามีความผิดกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ พร้อมแนะนำให้ลูกหนี้ที่เดือดร้อนสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วนอัยการ โทร.1157 ได้เลย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ที่ สภ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นางสุพัตรา หรือยายสุข อายุ 75 ปี อาชีพแม่ค้าขายข้าวไข่เจียว ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ โดยระบุขณะขายข้าวไข่เจียวอยู่ที่ร้าน บริเวณอาคารบางใหญ่ซิตี้ ตึก B ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ถูกชายไม่ทราบชื่อ 2 คน ขับรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อสีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดที่หน้าร้านก่อนจะเดินเข้ามาทวงเงินที่หน้าร้าน และใช้โทรศัพท์มือถือตบเข้าที่หน้าอย่างแรง 1 ครั้งจนฟกช้ำ และกระชากเสื้อจนล้มลง พร้อมท้าให้ไปแจ้งความที่โรงพัก ก่อนชายคนดังกล่าวจะพังข้าวของที่ร้านจนเสียหายและถ่มน้ำลายใส่พร้อมข่มขู่ว่าถ้าเปิดร้านอีกก็จะมาพังร้านอีก โดยนางสุพัตราหรือยายสุขยอมรับว่า ตนเคยไปกู้เงินนอกระบบมาจำนวน 5,000 บาท ส่งดอกเบี้ยวันละ 100 บาท ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.2566 จนกระทั่งช่วงปลายปี 2566 รัฐบาลมีโครงการประนอมหนี้ ตนจึงได้นัดกับทางเจ้าหนี้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้เขายกเลิกดอกเบี้ยให้ และจะขอจ่ายเงินต้นเพราะที่ผ่านมาตนก็จ่ายดอกทุกวันรวมๆแล้วก็เกือบ 20,000 บาท แต่ทางเจ้าหนี้ไม่ยอมมาตกลงกัน และตามทวงหนี้จนเกิดการทำร้ายร่างกาย