“ประชาธิปัตย์” ปลื้ม “สมรสเท่าเทียม” ผ่านฉลุย  “พลอยทะเล” ย้ำ คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค เท่าเทียม ทุกเพศสภาพ 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567  พลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ … ) พ.ศ. … หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” ได้ผ่านการเห็นชอบของวุฒิสภาแล้วในวันนี้ว่า 

พรรคประชาธิปัตย์ ขอร่วมแสดงความยินดีกับการที่ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ได้ผ่านการเห็นชอบของวุฒิสภา จากนั้นในขั้นตอนต่อไปร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกส่งไปที่คณะรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ก่อนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลใช้บังคับหลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน

พลอยทะเล กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน หรือเป็นดินแดนที่สามในทวีปเอเชีย ที่มีกฎหมายรองรับการสมรสของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ต่อจากประเทศเนปาล และไต้หวัน

ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม โดย สส.สรรเพชญ บุญญามณี และคณะเป็นผู้ยื่น และได้สนับสนุนทุกร่างกฎหมายที่เข้าพิจารณาในสภา ทั้งกฎหมายจาก ครม. พรรคการเมือง และภาคประชาชน ทั้งวาระ 1 และวาระ 2 โดยหลักการที่สำคัญของร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับ คือการแก้ไข และกำหนดให้บุคคลสองคน สามารถสมรสกันได้ ซึ่งถือเป็นกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในเรื่องชีวิตคู่ (ไม่ว่าจะมีเพศสภาพใด) อีกทั้งเป็นการคืนสิทธิที่พึงมีให้กับประชาชน ยืนยันการเคารพ และยอมรับในความแตกต่างและความหลากหลายทางเพศของพี่น้องประชาชน และเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างความเท่าเทียมทางกฎหมายให้ประชาชนทุกเพศ 

นอกจากนี้ พลอยทะเล ยังกล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าต่อไปเพื่อทำหน้าที่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และพัฒนาประเทศในทุกมิติ เราสนับสนุนความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมสิทธิของประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะมีความแตกต่างทั้งเรื่องความคิด ความเชื่อ อาชีพ เพศ ศาสนา  และไม่ว่าจะเป็นชนกลุ่มใหญ่ หรือชนกลุ่มน้อยในสังคม ก็ล้วนควรได้รับการยอมรับ การเคารพ และการถูกปฏิบัติที่เสมอภาค และควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานจากรัฐ สำหรับทุก ๆ คน ทุก ๆ กลุ่ม ทุก ๆ พื้นที่ อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ทั้งในด้านการเข้าถึงบริการของรัฐ ระบบสาธารณสุข การศึกษา ที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิต และสิทธิในด้านอื่น ๆ ตามหลักสิทธิมนุษยชนอีกด้วย