วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:36 น.

การเมือง

“ชาญ พวงเพ็ชร์” เผชิญวิบากกรรม นายก อบจ.ปทุม ปมถูกศาลรับฟ้องคดีดัง

วันจันทร์ ที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 19.27 น.

“ชาญ พวงเพ็ชร์” เผชิญวิบากกรรม แม้ชนะเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมแล้ว แต่ติดปมเหตุศาลรับฟ้องคดีดังเมื่อปี 2555 ส่อต้องหยุดปฏิบัติหน้าทีทันทีที่ กกต.ประกาศรับรองเป็น นายก อบจ.ปทุม

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ประกาศผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง (อย่างไม่เป็นทางการ) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา มีผู้สมัคร 4 ราย โดยผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง เป็นผู้ชนะเลือกตั้งคือ นายชาญ พวงเพ็ชร์ เบอร์ 1 ได้คะแนน 203,032 คะแนน อันดับสอง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เบอร์ 3 ได้ 201,212 คะแนน อันดับสาม นายนพดล ลัดดาแย้ม เบอร์ 4 ได้ 16,983 คะแนน และนายอธิวัฒน์ สอนเนย เบอร์ 2 ได้ 7,122 คะแนน โดยมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 949,421 คน ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 472,536 คน คิดเป็น 49.77 % บัตรดี 428,349 บัตร คิดเป็น 90.65 % บัตรเสีย 11,302 บัตร คิดเป็น 2.39 % บัตรไม่เลือกผู้ใด หรือโหวตโน 32,885 บัตร คิดเป็น 6.96 %

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า นายชาญ พวงเพ็ชร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี และพวก ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี พ.ศ.2555 ซึ่งปัจจุบันศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ โดยเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา นายชาญ พวงเพ็ชร์ และพวกได้ไปรายงานตัวพร้อมยื่นขอประกันตัว ก่อนที่ศาลฯจะมีการนัดไต่สวนสืบคดีในครั้งต่อไป 

นอกจากนี้ รายงานข่าวระบุด้วยว่า คณะกรรมการกฤษฏีกาได้เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมายตอบข้อหารือกระทรวงมหาดไทย เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารบริหารท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีสาระสำคัญว่าเมื่อศาลคดีอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ประทับรับฟ้องในคดีอาญาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว ผู้บริหารท้องถิ่นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 93 อันเป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งและกลับมาดำรงดำแหน่งเดิมใหม่

โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) พิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่มาตรา 93 ประกอบกับมาตรา 81 กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เจตนารมณ์ประการหนึ่งก็เพราะว่าในกรณีที่ศาลพิพากษาว่าผู้นั้นกระทำความผิดจะมีผลทำให้บุคคลนั้นหมดสิทธิที่จะสมัครรับเลือกตั้งหรือเข้าดำรงตำแหน่งนั้นอีกต่อไป การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการยุติความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ดังนั้นไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งและกลับมาดำรงดำแหน่งเดิมใหม่ในอีกวาระหนึ่ง จึงมิได้ทำให้การต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป

ล่าสุด มีรายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.)  ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีการเข้าสมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี และ การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ หลังการเลือกตั้ง นายกอบจ.ปทุมธานี เป็นทางการแล้ว โดยประเด็นแรก กรณีนายชาญ พวงเพ็ชร์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีทุจริต ศาลฯ ประทับรับฟังแล้ว ทำไมยังสมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ซึ่ง สถ.ระบุว่าการที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ถูกศาลอาญาฯประทับฟ้อง โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ คดีจึงยังไม่ถึงที่สุด และไม่ได้ถูกคุมขังโดยหมายศาล อีกทั้งไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นนายชาญจึงยังไม่มีลักษณะต้องห้าม และสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. ปทุมธานี ได้ ตาม พ.ร.บ.อบจ.2540 มาตรา 35/1 ประกอบ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ม. 50 (5) (6) และ (10) และ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ม. 81 และม. 93

ส่วนประเด็นที่ทำไม นายชาญ พวงเพ็ชร์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี แม้ต่างกรรม ต่างวาระ ซึ่ง สถ.ระบุว่า การที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้กระทำความผิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ. ปทุมธานี ในวาระก่อน และศาลอาญาฯได้ประทับฟ้องนายชาญ เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม แม้ต่อมาเมื่อนายชาญได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ในอีกวาระหนึ่ง นายชาญก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ม. 81 และม. 93 เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ดั้งนั้นแม้นายชาญ พวงเพ็ชร์จะชนะการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานีสมัยนี้ได้ แต่ก็อาจจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีเข้ารับตำแหน่ง ตามเงื่อนไขทางกฎหมายที่กำหนดไว้ อันเป็นผลพ่วงสืบเนื่องมาจากคดีทุจริตที่ศาลฯ ประทับรับฟ้องไว้แล้ว

หน้าแรก » การเมือง