"ทักษิณ" กราบพระอุดรรับคำแนะ "หมั่นนั่งสมาธิจะได้ไม่วุ่นวาย-มีสุข" ประกาศ  "ต่อไปนี้จะมุ่งทำนุบำรุงศาสนา"   ก่อนขึ้นปราศรัยช่วย"ศราวุธ"หาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ. 

เมื่อเวลา 16.30  น.วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงเวทีปราศรัย ที่วัดศรีนคราราม ตำบลกุมภวาปี อำเภอกุมภาวปี จังหวัดอุดรธานี โดยทันทีที่มาถึง ได้ขึ้นกราบนมัสการ พระราชวัชรสุทธิ์ รองเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี โดย พระราชวัชรสุทธิ์ ได้มอบเหรียญพระเจ้าใหญ่ ให้กับนายทักษิณ พร้อมสนทนาตอนหนึ่ง ว่า "ขอให้นายทักษิณหมั่นนั่งสมาธิ สวดมนต์ เพื่อให้จิตใจผ่องใส ไม่วุ่นวาย มีความสุข จะได้เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ประชาชน เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"

โดย พระราชวัชรสุทธิ์ ได้สอบถามนายทักษิณ ในช่วงที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศว่าเป็นอย่างไรบ้าง นายทักษิณ ตอบกลับว่า "17 ปีที่ผ่านมาก็ต้องอดทน อดกลั้น และต่อไปนี้ตนจะขอกลับมาทำนุบำรุงศาสนา" พร้อมกับหันกลับไปฝากกับทีมงานว่า "หากขาดแคลนอะไรให้แจ้งมา" จากนั้นได้ลงทักทายประชาชนที่มารอฟังการปราศรัย พร้อมกับเดินขึ้นเวทีโบกมือและจับมือทักทายกับประชาชน

 "ณัฐวุฒิ" บอก "นายกฯอิ๊งค์" กลับจากเปรูมีข่าวดีปรับโครงสร้างหนี้
 
เมื่อเวลา 17.30 น. ที่วัดศรีนคราราม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นายทักษิณ  พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกอบจ. ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีประชาชนมานั่งรอฟังการปราศรัยกว่า 10,000 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูทุกด้านของวัด และให้ประชาชนเข้าฝั่งทิศตะวันออกเพียงทางเดียว รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. กุมภวาปีและตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) จาก กก.ตชด.24 ตรวจเข้มวัตถุระเบิดและสิ่งผิดกฎหมาย

โดยนายณัฐวุฒิ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า  แม้จะมีการจ้องยุบพรรค ซึ่งไม่มีในรัฐธรรมนูญมาก่อนพึ่งมามีตอน 2560 โดยในปี 2554 พรรค พท.หาเสียงด้วยแคมเปญ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ตอนนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับเป็นนายกรัฐมนตรี และมีการเขียนในรัฐธรรมนูญว่าห้ามครอบงำไม่เช่นนั้นจะยุบพรรค แต่พรรคการเมืองต้องฟังเสียงของประชาชน ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะบอกให้รัฐบาลทำนั่น ทำนี่ หากเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าครอบงำกันใช่หรือไม่ หรือหากนายกแพทองธารไปเจอชาวบ้าน แล้วเขาบอกให้โอนเงิน 10,000 บาท รอบสองมาให้หน่อย แล้วรัฐบาลโอนแบบนี้ก็ถือเป็นการครอบนำใช่หรือไม่

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนทราบข่าวว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีกลับจากเปรูจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการแก้หนี้ ทุกครั้งที่เป็นรัฐบาล เรามีนโยบายที่จดจำอยู่ในหัวใจของประชาชน ทั้งนี้ จริงๆ รัฐบาลนี้ไม่ใช่เวทีหมอลำ แต่ทำไมถึงมีนักร้องเยอะเหลือเกิน และรัฐบาลแพทองธารจะอยู่ครบวาระแน่นอน คอยดู ขอพี่น้องอย่าไปกังวลเลย เพราะนักร้องบางคนภัยจะถึงตัว เดี๋ยวเขาจะถูกร้องเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พรรค พท.ที่จะไปร้อง แต่เป็นคนที่เขารำคาญจะไป ย้ำว่าขออย่ากังวลและขอให้ปักหลักเดินไปด้วยกัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เราต้องจับเข่าคุยกันสักที ครั้งที่ผ่านมาเราเคยได้ส.ส.ยกจังหวัด แต่ครั้งที่ผ่านมา เราพลาดไปสามเขต คราวนี้เลยต้องมาทวงสัญญา สบตากัน ขอให้ยกจังหวัดสักที เพื่อเอาไปทำงาน ซึ่งเมื่อนายศราวุธได้รับเลือกเข้ามาแล้วสามารถทำงานได้เลย ไม่ใช่เด็กฝึกงาน เพราะเขาเคยเป็นส.ส.มาก่อน รวมถึงเคยเป็นประธานกรรมาธิการ

เงินหมื่นเฟส 2 มาแล้ว คลังชงเข้าบอร์ด 19 พ.ย. พร้อมเรื่องปรับโครงสร้างหนี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษ "Navigating Economic Challenges : The Future of Fiscal Policy ฝ่าพายุเศรษฐกิจไทยด้วยนโยบายการคลัง" ว่า ในการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 จะมีการหารือมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนในส่วนของหนี้บ้าน รถ และหนี้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

"เรื่องนี้เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้ความตกลงของผู้กู้และผู้ให้กู้ ไม่ได้ไปถึงเรื่องของการแฮร์คัต ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ หากเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนก็ต้องมีความคืบหน้าต่อเนื่อง" นายพิชัยกล่าว

ส่วนเรื่องการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือเอฟไอดีเอฟ เหลือ 0.23% ให้กับธนาคารพาณิขย์ เพื่อช่วยจ่ายดอกเบี้ยแทนกลุ่มหนี้เปราะบาง บ้าน รถ เอสเอ็มอี นาน 3 ปี นายพิชัยกล่าวว่า อะไรที่เป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ก็ต้องนำมาใช้

นายพิชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการหารือถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 โดยจะเป็นการหารือถึงแนวทางการดำเนินการขั้นต่อไปหลังจากได้จ่ายเงินในเฟสที่ 1 ให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนไปในเดือนกันยายน 2567

"อันนี้เป็นมาตรการระยะสั้น ถ้าเศรษฐกิจโตได้แล้วเรื่องพวกนี้เราคงไม่ต้องทำแล้ว แต่ตอนนี้เราเห็นความจำเป็นเพราะทุกคนยังมีปัญหา ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเครื่องมือที่ทำแล้วได้ประโยชน์หลายทาง ไม่ว่าอย่างไรรัฐบาลก็ต้องพัฒนาอยู่แล้วเพราะในอนาคตจะใช้เป็นแพลตฟอร์มในการเชื่อมต่อกับประชาชน ส่วนเงินจะได้เมื่อไรและช่องทางใดก็ต้องรอดูก่อนว่าจะทำอย่างไร" นายพิชัยกล่าว