การเมือง
"ลูกชายสันติ" ยันล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีเอี่ยวปมซื้ออาคาร Skyy9
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

"พัฒนา พร้อมพัฒน์" ลูกชายสันติ ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่มีเอี่ยวปมซื้ออาคาร Skyy9 เผยไม่เคยยุ่งเกี่ยวอีกหลังขายให้ เอจีอาอี 101 ทางด้าน "สันติ" ยันสปส.ซื้อ Skyy9 ไร้ดีลการเมือง บอกไม่ได้คุย "สุชาติ" แม้อยู่พรรคเดียวกัน ระบุลูกชายเก่งอสังหาฯ ซื้อตึกเก่ารีโนเวทขาย ไม่รู้ คนซื้อต่อขายใคร ลั่น "ตระกูลพร้อมพัฒน์-พร้อมทวีสิทธิ์" ไม่เกี่ยวเรื่องนี้ บอกไม่ฟ้องคนพาดพิง ชี้ตึกราคาสูง ทำเลดี ปรับปรุงมหาศาล
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 10.30 น.ที่อาคารรัชดาวัน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่า สำนักงานประกันสังคมได้ทำการซื้ออาคาร Skyy9 หรือ ชื่อเดิม Cas Capital หรือในอดีตชื่อ ICE ในราคาประมาณ 7,000 ลบ.นั้น ต่อมาเริ่มมีกระแสในทำนองว่า ประกันสังคมได้ซื้ออาคารดังกล่าวในราคาที่สูง จะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ โดยอ้างว่าเป็นการซื้อจากบริษัทของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเชื่อมโยงว่าเป็นตนนั้น
“ผมขอเรียนให้ทราบว่า บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่ผมบริหารจัดการอยู่นั้น ว่าบริษัทฯ ได้เคยเป็นเจ้าของอาคารตึก ICE ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยบริษัท วอเตอร์เกท ซื้อมาตั้งแต่ปี 2560 โดยในขณะนั้น อาคารนี้เป็นอาคารร้าง และมีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถใช้ประโยชน์ และใช้งานได้ โดยเป็นการลงทุนซื้ออาคารเก่าซึ่งเป็นห้องชุด โดยซื้อมาจากหลายเจ้าของ ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว โดยในระหว่างที่ถือครองอยู่นั้น เคยได้มีแผนการที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานตามเดิมที่อาคารนี้เคยเป็นอยู่ อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาที่ถือครองทรัพย์สินนี้อยู่ ได้มีพรรคพวกที่อยู่ในวงการการเงินและอสังหาริมทรัพย์มาแนะนำให้รู้จักกับผู้สนใจลงทุนซื้ออาคารนี้หลายราย หนึ่งในนั้นคือผู้ซื้อ คือ บริษัท เอจีอาอี 101 ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นกองทุน PE Fund (กองทุนที่ระดมทุนจากผู้มีเงินหลากหลายราย) ในต่างประเทศ“
นายพัฒนา ระบุต่อว่า ส่วนตัวได้จบการศึกษาระดับ ป.ตรีที่จุฬาฯ ภาคการเงิน และ ป.โท ที่ Cass business school ภาค Real Estate Investment โดยตรงจากประเทศอังกฤษ และมีประสบการณ์ในภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว บริษัทจึงได้ทำข้อตกลงการซื้อขายตามสภาพตึกที่เป็นอยู่ในวันที่ 1 พ.ค. 2562 และทำการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน คือห้องชุดในอาคารทั้งหมด ในราคาประมาณ 2,000,000,000 บาท ในวันที่ 23 ส.ค. 62 ให้แก่ บริษัท เอจีอาอี 101 จำกัด และเมื่อบริษัทได้รับชำระเงินแล้วก็โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อไปตามปกติ โดยผู้ซื้อไม่ได้กลับมามีนิติสัมพันธ์ใดๆ กับตรอีก หรือตนก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ซื้อและมิได้ติดต่อกันอีก หลังจากขายไปแล้วก็จบสิ้น และผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ซื้ออีกต่อไปในทุกกรณี
“ผมทราบแต่เพียงว่า ผู้ซื้อไปประสงค์จะลงทุนปรับปรับปรุงอาคารให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และประกอบธุรกิจต่อไป และมีการลงทุนปรับปรุงอีกหลายพันล้านบาท ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อในทางใดๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยทราบเรื่องราวว่าอาคารหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของใคร ในราคาเท่าไร และเพิ่งจะทราบเรื่องทั้งหมดพร้อมๆ กับทุกๆ ท่านว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ซื้ออาคารหลังนี้ไปตามข่าวเท่านั้น และผมไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ ไม่รู้จักกับผู้ใดในประกันสังคมทั้งสิ้น รวมถึงกรรมการหรือผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นใคร ทั้งในประกันสังคมและในกระทรวงแรงงาน“นายพัฒนา กล่าวยืนยัน
ทั้งนี้ นายพัฒนา กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจึงขอมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ได้ขายอาคารนี้ให้แก่ บริษัท เอจีอาอี 101 จำกัด เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอีก จึงต้องออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวที่มีกระแสพูดถึงว่า ตนเป็นผู้ขายหรือเกี่ยวข้องกับการขายอาคารหลังนี้ให้แก่สำนักงานประกันสังคม ซึ่งไม่เป็นความจริง และการที่ผู้ซื้อไปนำไปพัฒนาและรีโนเวทจนเกิดความสวยงาม สามารถใช้งานใช้ประโยชน์ได้ และใช้เงินพัฒนาและรีโนเวทไปหลายพันล้านแล้วขายต่อไปนั้น ไม่เกี่ยวกับตนโดยสิ้นเชิง จะมีกำไรหรือขาดทุน ตนก็ได้ได้เข้าไปเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
“สันติ”ยันสปส.ซื้อ Skyy9 ไร้ดีลการเมือง บอกไม่ได้คุย “สุชาติ” แม้อยู่พรรคเดียวกัน
ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.45 น. ที่อาคารรัชดา วัน ถ.รัชดาภิเษก นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆ แล้วเรื่องอสังหาริมทรัพย์นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายตน มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทจากอังกฤษด้านอสังหาริมทรัพย์ ตนเลยปล่อยให้เขาบริหารจัดการในบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การซื้อตึกของ สปส. ไม่ได้เป็นดีลพิเศษในขณะที่อยู่กับพรรคเดียวกับ รมว.แรงงาน ในยุคนั้นใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ตามที่นายพัฒนาได้พูดไป ตอนที่เขาไปซื้อตึกนี้มาจากบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. เขาก็ยังต้องไปซื้อห้องอื่นๆ ในอดีตที่ขายกันไปแล้วกลับมา จนสามารถรวมเป็นตึกเดียวกันภายใต้เจ้าของเดียว ตอนนั้นเขามาหารือกับตนว่าอยากจะรีโนเวท พอสักพักเมื่อมีคนรู้ข่าวว่าตึกหลังนี้มีเจ้าของเดียวแล้ว มีคนสนใจจำนวนมาก ตนรู้แค่เพียงตอนที่เขาขาย ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ให้กับบริษัทของฝรั่งที่มาจดทะเบียนในเมืองไทย เป็นกองทุนที่ใหญ่มาก วันที่เขาซื้อก็จ่ายเงินเลยทั้งหมด พอจ่ายแล้วมันก็แล้วกัน เราไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาเอาไปรีโนเวท ตนนั่งรถผ่านก็เห็นว่าสวยมาก มารู้อีกทีตอนมีข่าวจากสื่อมวลชนว่าตึกหลังนี้ได้มีการขายไป โดย สปส.เป็นเจ้าของ ในราคา 7 พันล้านบาทบวกลบ
เมื่อถามว่า การถูกเชื่อมโยงเรื่องนี้ มองว่าถูกดิสเครดิตหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เราเข้าใจ เราเป็นนักการเมืองสื่อต้องพยายามที่จะตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน เพราะฉะนั้น นายพัฒนาซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท วอเตอร์เกทฯ เขาก็บอกว่าเรื่องนี้ต้องแถลงให้กับประชาชนได้เข้าใจ ไม่เช่นนั้นจะพูดไปอย่างนั้นอย่างนี้ วันหลังจะปวดหัวเปล่าๆ จึงมาแถลงวันนี้ ตนจะช่วยยืนยันว่าที่นายพัฒนาได้แถลงไปเป็นความจริง เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลพร้อมพัฒน์ หรือพร้อมทวีสิทธิ์ ไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายของบริษัท เอจีอาร์อี 101 จำกัด กับ สปส. ส่วนลูกชายตนทำเรื่องซื้อขายตึกเก่ามารีโนเวทขาย
เมื่อถามว่า ได้มีการต่อสายคุยกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานในขณะนั้นหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เราไม่ได้สนใจอะไร และไม่มีความจำเป็นต้องไปต่อสาย เราไม่ได้ไปเชื่อมโยงหรือพูดคุย โดยเฉพาะกับนายสุชาติ เราไม่เคยคุยอะไรกับเขาเลย ถึงแม้เคยอยู่พรรคเดียวกัน และเอาเข้าจริงเราไม่รู้ว่า สปส.เข้ามายุ่งเกี่ยวตั้งแต่สมัยนั้น ยืนยันไม่มีเรื่องดีลทางการเมืองตามที่เป็นข่าว ให้สื่อมวลชนไปค้นหาหรือทำอะไรได้ทั้งนั้น คนเป็นนักการเมืองต้องทำอะไรตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนั้นได้คุยกับลูกชายหรือไม่ เพราะการจะซื้อตึกๆ หนึ่งจะต้องใช้เวลาในการพิจารณายาวนานแค่ไหน นายสันติ กล่าวว่า เขาเอามาเสนอขาย บสก.ถือพื้นที่จำนวนมาก เราก็ซื้อโดยทั่วไป และนายพัฒนาเรียนจบในด้านนี้ มีความเชี่ยวชาญ เขาก็ซื้อของเขา และซื้อมาหลายตึก เพียงแต่ไมได้เป็นข่าวเท่านั้นเอง
เมื่อถามอีกว่า มองอย่างไรกับกรณีที่สังคมตั้งคำถามถึงการซื้อตึกมูลค่า 7 พันล้านบาท มันแพงหรือมันคุ้มค่าหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เรื่องตึกแพงหรือถูกจะไปดูเป็นตัวเงินเท่านั้นเท่านี้บางทีก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก เราต้องดูภายในของเขาด้วย อุปกรณ์อะไรต่างๆ ทุกส่วนที่เขาไปรีโนเวทมันดีแค่ไหน หรือมีมาตรฐานเพียงใด ซึ่งตึกนี้ในสมัยนั้นตนเคยไปตรวจสอบ สายไฟถูกรื้อทิ้งทั้งหมด ทั้งถูกขโมยและเสียหายทั้งหมด ถือว่าชำรุกทรุดโทรม ดังนั้น การที่บริษัทมาซื้อต่อจากลูกชาย เขาก็ต้องไปรีโนเวทเกือบทุกตารางนิ้ว ส่วนจะลงทุนไปเท่าไหร่ ตนทราบมาว่าจำนวนมหาศาล ส่วนที่นำไปขายต่อ 7 พันกว่าล้านบาทนั้น มันก็เป็นมูลค่าของตัวตึกที่ผ่านมาการรีโนเวทมา ซึ่งมีคุณภาพสูง อยู่ใจกลางเมือง ส่วนราคาเท่าไหร่ เหมาะสมหรือไม่นั้น ตนไม่ควรไปวิจารณ์ เพราะมันอยู่ที่มูลค่า เราก็ไม่เคยเข้าไปดู ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ซื้อและผู้ที่ขาย
เมื่อถามว่า การที่ สปส.ใช้งบ 7 พันกว่าล้านบาทไปซื้อ มีข้อเสนอแนะหรือความเห็นอย่างไร นายสันติ กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่า สปส.มีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ เราต้องเชื่อว่าเขาได้ซื้อและตรวจสอบอย่างมีคุณภาพแล้ว คนใน สปส.ไม่ใช่เด็กๆ ล้วนเป็นผู้ใหญ่มีประสบการณ์ทั้งนั้น ส่วนด้านอื่นๆ ลึกๆ ลงไปเราไมได้ไปยุ่งเกี่ยว เลยไม่ทราบ จึงไปตอบแทนคนอื่นไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องอะไรต่อจากนี้หรือไม่ นายสันติ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไปฟ้องทำไม เพราะเรายืนอยู่บนความถูกต้อง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะสื่อหรือประชาชนอยากจะรู้ลึกๆ ว่าเราไปมีอะไรกับเขาหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ ตนไม่ฟ้อง
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่า เหตุใดเรื่องนี้จึงเป็นประเด็น นายสันติ กล่าวว่า เป็นประเด็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนเอาไปพูด โดยที่เขาไม่น่าทราบว่าเราเป็นเจ้าของ และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นของการดิสเครดิตทางทางการเมือง เมื่อถามอีกว่า เมื่ออยู่ฝ่ายค้านแล้วกระแสข่าวเชิงลบมากขึ้นหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ไม่หรอก
เมื่อถามว่า ในอดีตเมื่อปี 62 อาคารดังกล่าวนี้เกือบเป็นที่ทำการของพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า หากพูดย้อนกลับไป เมื่อเราได้ซื้ออาคารมาแล้ว เคยมีคนขอว่า อยากให้พรรคประชารัฐมีสำนักงานที่สวยๆ ดีๆ ซึ่งตนคิดว่าก็มีความเหมาะสม แต่อีกระยะหนึ่งมีนักธุรกิจชาวต่างชาติมาติดต่อขอซื้อ เราจึงได้ขายไป และลูกชายของตนก็มีตึกรัชดา วันที่ทำการปัจจุบัน ดังนั้น จึงขอใช้สถานที่ตรงนี้ ต่อข้อถามว่า นักธุรกิจรายดังกล่าวตัดสินใจซื้อทั้งตึกหรือแค่บางส่วน นายสันติ กล่าวว่า เขาซื้อทั้งตึกเลยแล้ว เราก็มีการโอนกรรมสิทธิ์ไปเลย แล้วเรารับเช็คมา 1 ใบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระยะเวลาไม่กี่ปี แต่มูลค่าของตึกนั้นพุ่งสูงมากขึ้น ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เรื่องนี้เหมือนคนที่ใส่สร้อยทอง 20 บาท ก็จะดูมีราคาแพง หากพิจารณาทั้งตึกก็เหมาะสม เพราะว่าตึกมีการรีโนเวท มีการใช้ของที่มีคุณภาพ เมื่อถามย้ำว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ด้วยราคา 7 พันล้านบาท ของ สปส. มาถูกทางแล้วใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เราไม่รู้ว่าใครมีวัตถุประสงค์อะไรในการที่จะซื้อทรัพย์สิน แต่ที่ตึกดังกล่าวนั้นอยู่ใจกลางเมือง ดังนั้น ราคา 7 พันล้านบาท ก็ตกราคาตารางละ 70,000 บาท ถือว่าราคาไม่แพง บางที่ตารางเมตรละ 100,000 บาทก็มี
เมื่อถามว่า หลายคนวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากตึกดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถเปิดให้เช่าได้ถึง 50% ของพื้นที่ นายสันติ กล่าวว่า เพราะเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ การเช่าก็จะเหนื่อยหน่อย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยที่ตนเชื่อว่าเดี๋ยวก็มีผู้มาเช่าถึง ส่วนจะทำให้คุ้มทุนอย่างไรเป็นหน้าที่ของเจ้าของทรัพย์
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- "กสทช." สั่งเอกชนรายงานผลกระทบหลังกัมพูชาตัดสัญญาณเชื่อมต่อเน็ต 14 มิ.ย. 2568
- ส.อ.ท.ชี้กัมพูชาเรียกแรงงานกลับ ส.อ.ท.ชี้กระทบศก.-สังคม ร้องสองฝ่ายเร่งคลี่คลายปมชายแดน 14 มิ.ย. 2568
- แม่ทัพภาคที่ 2 เยี่ยมทหารชายแดนสุรินทร์ปราสาทตาเมือนธม สร้างขวัญและกำลังใจ 14 มิ.ย. 2568
- “มหิดลโพล” เผย 5 กระทรวงแรก ที่ประชาชนอยากให้ปรับครม. มากที่สุด 14 มิ.ย. 2568
- ไทย-กัมพูชา ถก JBC ยังไม่จบยังมีต่อวันพรุ่งนี้ กต.ยันบรรยากาศเป็นไปด้วยดี 14 มิ.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
นายกฯขอบคุณทีมเจรจา JBC มั่นใจจะหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ 19:58 น.
- ทบ.ชี้เป็นภัยความมั่นคง กัมพูชาวางกำลังเข้ม หันปืนใหญ่เล็งถึงไทย – สั่งเสริมกำลังรับมือชายแดนศรีสะเกษ 18:52 น.
- "ณพลเดช" เผย นทท.จีน บินการบินไทยเต็มลำ แนะ 5 จุดแข็งเสริมการท่องเที่ยวไทยในเวทีโลก 17:35 น.
- "เต้ มงคลกิตติ์" นำทีมปชป.ร่วมกิจกรรม "Phitsanulok Art Festival" พร้อมร่วมพิธีบรรจุอัฐิ 100 วัน "คุณยายรัตน์" 16:55 น.
- "กสทช." สั่งเอกชนรายงานผลกระทบหลังกัมพูชาตัดสัญญาณเชื่อมต่อเน็ต 16:45 น.