เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีออกหมายเรียกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 53 ราย เข้าชี้แจงกรณีถูกร้องเรียนว่ามีพฤติการณ์ฮั้วกันในการเลือกตั้ง ส.ว. ว่า เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ซึ่งตั้งขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน พร้อมขอความร่วมมือจากดีเอสไอร่วมตรวจสอบ

นายอิทธิพรระบุว่า เมื่อมีพยานหลักฐานเบื้องต้นเพียงพอ คณะกรรมการฯ จึงออกหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาและนัดหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจง โดยใช้วิธีแจ้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ ไปรษณีย์ ยื่นด้วยตนเอง และติดหมายหน้าบ้าน หากไม่พบตัว

ทั้งนี้ กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการฯ มีกรอบเวลา 90 วัน และสามารถขยายเวลาได้ หากเกี่ยวข้องกับหลายบุคคล จากนั้นจะสรุปเสนอเลขาธิการ กกต. ซึ่งมีเวลาพิจารณาอีก 60 วัน ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต. โดยผ่านการกลั่นกรองของอนุกรรมการวินิจฉัย

หากที่ประชุม กกต. เห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ เรื่องก็จะยุติ แต่หากเห็นว่ามีมูล ก็จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยต่อไป ซึ่งหากศาลรับคำร้อง ส.ว. ที่ถูกร้องจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่

ประธาน กกต. ย้ำว่า แม้กรอบการพิจารณาคำร้องจะกำหนดไว้ภายใน 1 ปี เพื่อความเป็นธรรม แต่สามารถขยายเวลาได้หากมีเหตุผลจำเป็น พร้อมยืนยันว่า การมีดีเอสไอเข้ามาช่วยในบางกรณีช่วยให้การตรวจสอบเร็วขึ้น เนื่องจากบางคำร้องมีพยานหลักฐานชัดเจนมากกว่า โดยขณะนี้มีคำร้องเกี่ยวกับ ส.ว. ทั้งหมดประมาณ 577 เรื่อง พิจารณาแล้วกว่า 300 เรื่อง

เมื่อถูกถามว่ามี ส.ว. รายอื่นจะถูกเรียกเพิ่มอีกหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่คณะกรรมการฯ พบในระหว่างดำเนินการ และไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในขณะนี้เพื่อความเหมาะสม

ส่วนกระแสข่าวว่า ส.ว. มีความผิดชัดเจนนั้น นายอิทธิพรชี้แจงว่า ยังไม่สามารถวินิจฉัยว่าใครผิดหรือไม่ผิดได้ เนื่องจากต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน และการกล่าวหาขณะนี้เป็นเพียงพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย

ท้ายที่สุด นายอิทธิพรยืนยันว่า ทุกกระบวนการดำเนินการภายใต้หลักนิติธรรม และมุ่งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย