เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภาตั้งข้อสังเกตว่า กกต.ดำเนินการเกินขอบเขตหรือไม่ จากกรณีมีการออกหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหา โดยไม่แจ้งผ่านทางจดหมายหรือขั้นตอนปกติของ กกต.

นายอิทธิพรชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้ดุลพินิจของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมีทั้งหมด 25 ชุด และคณะพิเศษอีก 1 ชุด รวมเป็น 26 ชุด โดยมีอำนาจในการพิจารณาเลือกวิธีแจ้งหมายหรือหนังสือได้ตามระเบียบ

ในส่วนของข้อสงสัยที่ว่าเหตุใด กกต.จึงหยิบยกกรณีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.มาพิจารณาก่อน ทั้งที่มีคำร้องเรียนหลายเรื่อง ประธาน กกต.ชี้แจงว่า กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามลำดับและความคืบหน้า กกต.รายงานข้อมูลการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกรอบเวลาที่วางไว้คือภายใน 1 ปี

เมื่อถูกถามถึงบทบาทของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่อาจมีอิทธิพลต่อการทำงานของ กกต. นายอิทธิพรยืนยันว่า ไม่ได้มีการแทรกแซงหรือบีบบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการร่วมมือกัน โดย กกต.ได้ขอให้ดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้และประสบการณ์เข้าร่วมในคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26 ซึ่งเป็นคณะพิเศษที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ

ในประเด็นที่เรื่องนี้ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง นายอิทธิพรกล่าวว่า กกต.ไม่ได้กังวล เพราะยึดหลักการทำงานตามกฎหมายเป็นสำคัญ แม้จะมีแรงกดดันภายนอก แต่ กกต.มีหน้าที่ต้องดำเนินงานให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้

“ถ้าทำตามกฎหมายได้มากที่สุด ก็จะแสดงให้เห็นว่า กกต.ไม่ได้ทำตามแรงกดดันหรืออิทธิพลใด แต่ทำเพื่อรักษาหลักการของระบอบประชาธิปไตย” นายอิทธิพรกล่าวย้ำ