"ศศิกานต์" เผยรัฐบาลเดินหน้าความร่วมมือพลังงานไทย–ลาว หวังลดต้นทุนค่าไฟให้คนไทย พร้อมหนุน กฟผ. ลงทุนโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ด้าน ก.อุตฯ เปิดเกมรุก ‘แจ้งอุต-สุดซอย‘ แก้ปัญหาตรงจุด ไม่มีปล่อยผ่าน 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568  นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายการ เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า ออกอากาศเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 14 – 16 พฤษภาคม 2568 ตามคำเชิญของ  นายโพไซ ไซยะสอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ของ สปป.ลาว เพื่อหารือความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศ  ทั้งนี้เพื่อให้ได้ราคาพลังงานที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ของทั้งไทยและสปป. ลาว โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง โดยนายพีระพันธ์ุได้พบปะกับนายสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 อีกด้วย

การหารือในครั้งนี้ ถือเป็นการเจรจาระหว่างรัฐโดยไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ไทยสามารถลงทุนผลิตไฟฟ้าในลาวและซื้อกลับมาใช้เองในราคาที่ถูกลง ส่งผลให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงพลังงานในราคาที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงแนวทางการผลักดันให้บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ และเป็นบริษัทในกลุ่ม กฟผ. เข้าไปลงทุนโดยตรงใน สปป.ลาว โดยมีการบริหารจัดการและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ภายใต้เป้าหมายเพื่อให้ได้ราคาพลังงานที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศในระยะยาว

ขณะเดียวกัน ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งนำโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินนโยบายเชิงรุกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในผลงานสำคัญคือโครงการ “แจ้งอุต / สุดซอย” ซึ่งเป็นปฏิบัติการเชิงรุกทั้ง “หน้าบ้าน” และ “หลังบ้าน” เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมจากประชาชนโดยตรง โดยในส่วนของ “หน้าบ้าน” กระทรวงได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ ผ่านระบบแจ้งเรื่องร้องเรียน “Traffy Fondue” ที่สามารถตอบรับภายใน 1 ชั่วโมง ขณะที่ “หลังบ้าน” คือทีม “สุดซอย” ที่นำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละสัปดาห์จะมีการลงพื้นที่เฉลี่ย 3 – 4 วัน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยไม่ประนีประนอม

“ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงการทำงานหนักและต่อเนื่องของทั้งกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้นโยบายของรัฐบาล โดยมีท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้นำในการผลักดัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักความเป็นธรรม โปร่งใส และให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมแก่พี่น้องประชาชนทุกคน” นางสาวศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย