วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:45 น.

การเมือง

ดูงาน 4ส15 ภาคกลางสุดชื่นมื่น  ทฤษฎีและปฎิบัติประยุกต์อย่างกลมกลืน

วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.42 น.

หลักสูตร 4ส15 สถาบันพระปกเกล้า กับการดูงาน 3 จังหวัดภาคกลาง ตอกย้ำการนำความรู้จากห้องเรียนพบกับความจริง พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองทั้งกับคนในท้องที่และในกลุ่มนักศึกษาเอง 

ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล ชี้การดูงานคือการต่อยอดจากห้องเรียน ขณะที่นักศึกษาตัวแทนภาครัฐย้ำประโยชน์ที่ได้รับมากมายกว่าที่คิด ด้านนักศึกษาตัวแทนภาคเอกชนเผยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในธุรกิจและสังคม

นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการศึกษาดูงานในพื้นที่ภาคกลาง ของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่  15 หรือ 4ส15 ว่าการดูงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของหลักสูตร ที่ต้องการให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพความขัดแย้ง สาเหตุ และวิธีแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งจากการจัดการฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และความขัดแย้งในสังคมพหุลักษณ์

“การดูงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษานำความรู้จากในห้องเรียนนำไปใช้กับของจริง ขณะเดียวกันก็ได้เจอของจริงนำมาแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้ที่อยู่ในสถานการณ์จริงรวมทั้งกับนักศึกษาด้วยกันเอง ถือเป็นการต่อยอดจากทฤษฎีและปฏิบัติ และปฏิบัติกลมกลืนกับทฤษฏี นำไปสู่การตัดสินใจในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีในทุกเหตุการณ์ในอนาคตของทุก ๆ คน จากการลงพื้นที่จริง ทุกเหตุการณ์จริงจึงไม่ชัดเจนทั้งหมด ต้องมีการวิเคราะห์ การถามหาคำตอบจนเป็นองค์ความรู้ที่ดีเป็นอำนาจในการแก้ปัญหาโดยไม่ต้องต่อสู้กัน”

นายศุภณัฐ กล่าวต่ออีกว่าการดูงานและการศึกษาหลักสูตรนี้ทำให้มีเจตคติที่ยอมรับและเห็นคุณค่าของความแตกต่างหลากหลายในสังคม รวมทั้งยึดมั่นสันติวิธีทั้งในสำนึกและพฤติกรรม โดยเน้นการสร้างสันติวัฒนธรรมเพื่อให้เกิดการแปรเปลี่ยนความขัดแย้ง  เพื่อทำให้สังคมไทยพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้ก้าวหน้าสู่สันติวิธี มิติเชิงคุณค่าได้ดียิ่งขึ้น

ด้านนายธิติ คุ้มรักษ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญามีนบุรี สำนักงานอัยการสูงสุด หนึ่งในนักศึกษารุ่น 15 จากภาคราชการ กล่าวว่าการเข้าเรียนหลักสูตรนี้ทำให้มีทักษะในการสร้างสันติสุขในสังคม ในมิติของการป้องกัน การจัดการและแก้ไขความขัดแย้ง และแปรเปลี่ยนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้กลายเป็นความรุนแรง ซึ่งประเด็นนี้สำคัญมากเพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่รากเหง้าแทนแก้ที่ปัญหา โดยเน้นแบบยั่งยืน และการเยียวยาสร้างความสมานฉันท์ให้กลับคืนสู่สังคม

“การดูงานครั้งนี้หลายอย่างเป็นความรู้ใหม่ เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยศึกษาและรับราชการมาก่อน ที่สำคัญสามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงาน เพราะหลักสูตรนี้จากการศึกษาที่ผ่านมายังรู้สึกเสียดายถ้าหากได้ศึกษาหลักสูตรเช่นนี้เมื่อก่อนหน้านี้สัก 10 ปี น่าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมได้มากกว่าที่ผ่านมา ที่สำคัญในหลักสูตรและการดูงานมีความครบถ้วนทุกสถานการณ์ในเรื่องความขัดแย้ง นับเป็นความหวังของสังคมในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในหลาย ๆ เรื่องในหลายพื้นที่ หลักสูตรนี้จึงเหมาะสมกับผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างแท้จริง” นายธิติ กล่าว

ด้านนายพลัฏฐ์ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ไมนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด หนึ่งในนักศึกษารุ่น 15 จากภาคเอกชน กล่าวว่าในการศึกษาและการดูงานครั้งนี้ ได้นำความรู้และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนกับบุคคลจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในชั้นเรียนและในพื้นที่มาวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขความขัดแย้งและสร้างสันติสุข ในสังคมอย่างเป็นระบบพร้อมนำเสนอต่อสังคมและผู้เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหา จากผู้เข้ารับการอบรมที่มีภูมิหลังที่แตกต่างกัน สะท้อนถึงความหลากหลายในสังคม อันจะนำไปสู่การเกิดเจตนารมณ์ร่วมที่จะสานต่อพลังในการเสริมสร้างสังคมสันติสุขในรูปของเครือข่ายผู้เข้ารับการศึกษาอบรมอย่างมีประสิทธิภาพ

“หลายอย่างสามารถนำมาปรับใช้ในธุรกิจที่ทำอยู่ อย่างเช่น ศาสตร์พระราชา ที่เมื่อนำไปประยุกต์ใช้ทำให้โครงการสามารถผ่านพ้นวิกฤติได้ จากการทำงานในภาคเอกชนและมุมมองแบบวิศวะที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก็ได้เรียนรู้ว่า ในทางสังคมการแก้ปัญหาความขัดแย้งนั้นไม่สามารถชี้ถูกหรือผิดได้ทุกเรื่องเช่นวิทยาศาสตร์ ที่เมื่อหนึ่งบวกหนึ่งต้องได้สองทุกครั้ง เพราะการพูดคุย การรับฟัง การยอมรับ และการยืดหยุ่นในการแก้ปัญหากลับสามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่าการชี้ไปเลยว่าต้องทำเช่นนี้ หรือบอกว่าทำเช่นนี้ผิดเป็นต้น” นายพลัฎฐ์ กล่าว


 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง