วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 14:46 น.

การเมือง

"ดร. สุวิทย์" ยัน "จารีตนิยม ไม่ใช่อุปสรรค หากกล้าปรับเปลี่ยน

วันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 10.39 น.

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568   เฟซบุ๊ก ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee ได้โพสต์ข้อความว่า "จารีตนิยม ไม่ใช่อุปสรรค หากกล้าปรับเปลี่ยน ตัวอย่างประเทศที่สามารถ “ปรับเปลี่ยนจารีต” ได้สำเร็จ โดยไม่ทำลายรากวัฒนธรรมเดิม แต่แปลงจารีตให้กลายเป็นพลังของการพัฒนา 


~ญี่ปุ่น: “Modernize Tradition, Not Abandon It”
บริบท:
 • ญี่ปุ่นมีระบบจารีตที่เข้มแข็งมาก เช่น เคารพผู้ใหญ่ วัฒนธรรมลำดับชั้น ค่านิยมหมู่
 • หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นต้องปฏิรูประบบรัฐ เศรษฐกิจ และการศึกษาใหม่หมด

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) รัฐธรรมนูญใหม่: ยกเลิกอำนาจสมบูรณาญาสิทธิ์ของจักรพรรดิ แต่ยังคงสถานะเป็น “ศูนย์รวมใจ”
2) ระบบราชการ: ปรับจากระบบซามูไร-ขุนนาง เป็นระบบคุณธรรม ใช้การสอบแข่งขัน
3) วัฒนธรรมองค์กร: ปรับค่านิยม “เคารพผู้อาวุโส”  เป็น “การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง“ (Kaizen)
4) การศึกษา: สร้างพลเมืองประชาธิปไตย แต่ยังสอดแทรกคุณค่าดั้งเดิม เช่น ความขยัน อดทน

ผลลัพธ์:
 • เติบโตเป็น “มหาอำนาจเศรษฐกิจ” หลังสงครามภายใน 30 ปี
 • วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็น soft power ที่ทั่วโลกชื่นชม
~เกาหลีใต้: “From Dictatorship to Cultural Powerhouse”

บริบท:
 • เคยเป็นประเทศยากจน หลังสงครามเกาหลี (1950s)
 • ระบบจารีตแบบขงจื๊อฝังลึก เช่น พ่อเป็นใหญ่ หญิงอยู่หลังชาย เคารพผู้มีอำนาจ

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: เคยมีเผด็จการ (Park Chung-hee) ปลุกพลังพลเมืองล้มรัฐบาลเผด็จการ (1987)
2) เศรษฐกิจ: ใช้รัฐเป็นผู้นำพัฒนาอุตสาหกรรม + เปิดให้เอกชนแข่งขัน
3) วัฒนธรรม: จาก “เชื่อฟังโดยไม่ตั้งคำถาม” สู่ “เสรีภาพในการคิดสร้างสรรค์” (K-pop, K-drama)
4)การศึกษา:  เคารพการเรียนรู้แบบแข่งขัน แต่เริ่มปรับเข้าสู่ soft skills, critical thinking

ผลลัพธ์:
 • เป็นประเทศอุตสาหกรรมขั้นสูง มีเทคโนโลยีระดับโลก (Samsung, Hyundai)
 • กลายเป็นผู้นำวัฒนธรรมเอเชีย (K-culture)
~ไต้หวัน: “ปรับจารีตเพื่อสร้างประชาธิปไตยและนวัตกรรม”

บริบท:
 • มีพื้นฐานจารีตขงจื๊อ ระบบราชการจีนแบบโบราณ
 • เคยอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของพรรคก๊กมินตั๋ง

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: ปฏิรูปจากพรรคเดียว เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ (1990s)
2) การศึกษา: ปรับจาก “เรียนตามตำรา”  เป็น “การเรียนรู้เชิงนวัตกรรม”
3) เทคโนโลยี: เคารพผู้นำจารีต แต่เปิดพื้นที่ให้ “คนรุ่นใหม่” นำเทคโนโลยี (เช่น Audrey Tang)
4) วัฒนธรรมประชาธิปไตย: ใช้เครื่องมือ Digital Democracy เช่น vTaiwan ให้คนรุ่นใหม่ร่วมกำหนดนโยบาย

ผลลัพธ์:
 • เป็นผู้นำด้าน Semiconductor ของโลก (TSMC)
 • เป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบประชาธิปไตยเปิดกว้างที่สุดในเอเชีย
 • คนรุ่นใหม่เป็นพลเมืองดิจิทัลที่ตื่นรู้และเคารพรากวัฒนธรรม) 
~จีน: “Modernization Without Westernization”

บริบท:
 • มีรากลึกในจารีตขงจื๊อ ระบบอาวุโส ครอบครัวนิยม และการรวมศูนย์อำนาจ
 • หลังปี 1949: ใช้คอมมิวนิสต์ปฏิเสธจารีตเก่า แต่หลัง 1978 (เติ้ง เสี่ยวผิง) ฟื้นฟูจารีตบางอย่างเพื่อเสถียรภาพ

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: คงระบบรวมศูนย์แต่เสริมความชอบธรรมด้วยจารีตขงจื๊อ
2) เศรษฐกิจผสมกลไกตลาดกับวาทกรรม “ความสามัคคีและเสถียรภาพ” แบบจารีต
3) วัฒนธรรม: ส่งเสริม “ความเป็นจีน” เช่น การศึกษาแบบขงจื๊อ และวัฒนธรรมฮั่น
4) นโยบายสังคม: จารีตถูกใช้เพื่อควบคุมสื่อ เสรีภาพ และเนื้อหาทางวัฒนธรรม

ผลลัพธ์:
 • เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ แต่จำกัดเสรีภาพพลเมือง
 • ใช้จารีตเป็นเครื่องมือสร้างอำนาจรัฐ ไม่ใช่ส่งเสริมปัจเจกและนวัตกรรมเสรีp
~อินเดีย: “Pluralistic Tradition Meets Democracy”

บริบท:
 • มีจารีตหลากหลายมาก ทั้งศาสนาฮินดู ระบบวรรณะ ความเชื่อชนเผ่า ฯลฯ
 • หลังได้รับเอกราช (1947) อินเดียเลือกทาง “ประชาธิปไตยแบบพหุนิยม”

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
 1) การเมือง: วางรากประชาธิปไตยบนโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
2) กฎหมาย: ยกเลิกระบบวรรณะอย่างเป็นทางการ แต่ยังฝังอยู่ในวิถีชีวิต
3) การศึกษา: ส่งเสริม ฆราวาสนิยม (Secularism) ร่วมกับวัฒนธรรมพื้นถิ่น
4) วัฒนธรรม: เปิดพื้นที่ให้ศิลปะ/สื่อสะท้อนปัญหาจารีต (เช่น หนังเรื่อง Caste-based)

ผลลัพธ์:
 • เป็นประชาธิปไตยขนาดใหญ่สุดของโลก
 • ยังมีความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งทางศาสนา/วรรณะสูง สะท้อนว่า “การแปรรูปจารีต” ต้องทำต่อเนื่องหลายระดับ
~บาห์เรน: “จารีตอาหรับ + โมเดลรัฐสมัยใหม่”

บริบท:
 • ปกครองโดยราชวงศ์ มีวัฒนธรรมอาหรับอิงศาสนาอิสลามชีอะห์-สุหนี่
 • เป็นรัฐเล็กที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากสังคมโลกและเพื่อนบ้านในอ่าว

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: ยังคงราชวงศ์ แต่มีรัฐสภาและการเลือกตั้งจำกัด (แบบ hybrid system)
2) วัฒนธรรม: คงจารีตศาสนา/ครอบครัว แต่เปิดรับสื่อสมัยใหม่ วัฒนธรรมตะวันตกบางส่วน
3) บทบาทสตรี: มีความพยายามเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงในวิชาชีพและการศึกษา
4) เศรษฐกิจ: พึ่งพาน้ำมัน แต่กำลังพัฒนา Fintech และธุรกิจบริการ

ผลลัพธ์:
 • เป็นรัฐแบบกึ่งเปิด: ไม่เสรีเท่าตะวันตก แต่ยืดหยุ่นกว่าเพื่อนบ้านอย่างซาอุฯ
 • ความขัดแย้งทางศาสนายังเป็นความท้าทายหลัก
~กาตาร์: “รักษาราชวงศ์ไว้บนโครงสร้างเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์”

บริบท:
 • ปกครองโดยราชวงศ์อิสลามสุหนี่ มีโครงสร้างจารีตเข้มแข็งในครอบครัว ชุมชน และบทบาทสุภาพสตรี
 • ใช้รายได้จากพลังงานเพื่อขับเคลื่อนโมเดลรัฐมั่งคั่งทันสมัย

วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) เศรษฐกิจ: รัฐลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโลก เช่น Qatar Airways, World Cup
2) วัฒนธรรม: ใช้ Soft Power เช่น Al Jazeera เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์อาหรับ-มุสลิม
3) การศึกษา: เปิดมหาวิทยาลัยจากโลกตะวันตก (เช่น Georgetown, Northwestern University)
4) การเมือง: ยังจำกัดเสรีภาพการแสดงออกและการเมืองในประเทศ

ผลลัพธ์:
 • เป็น “รัฐร่ำรวยที่ทันสมัย” แต่ควบคุมเสรีภาพภายใน
 • ปรับเปลี่ยนจารีตเฉพาะในระดับเศรษฐกิจ ไม่ใช่ในระดับสถาบันพลเมือง

บทเรียนร่วม: 
1) แนวทาง: “ไม่ทิ้งจารีต แต่ตีความใหม่ให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่”
2) กลยุทธ์: สร้างความสมดุลระหว่าง รากวัฒนธรรม กับ โครงสร้างใหม่ (สถาบัน นโยบาย)
3) ผู้ขับเคลื่อน: พลเมืองรุ่นใหม่ที่เข้าใจรากเดิมและกล้าทำลายวงจรเดิม
4) เป้าหมาย: เป็นประเทศที่ทันสมัย มีศักยภาพแข่งขัน โดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์
 
 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง