เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2868   นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2569 ว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีศักยภาพเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีในอนาคต ให้ประเทศไทยแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุนได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกแพทองธาร ให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้มาก ทั้งการผันงบ 1.57 แสนล้าน ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่เคยกันไว้เพื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มาใช้เพื่อการกระจายเม็ดเงินการลงทุนไปยังโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศเป็นการเร่งด่วนก่อน และการออกแบบงบประมาณประจำปี 2569 ฉบับนี้ ที่ให้ความสำคัญกับงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพิ่มมากขึ้น โดยงบลงทุนของงบกระทรวงคมนาคมปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 7.84% หรือคิดเป็นเงินกว่า 230,000 ล้านบาท ไม่รวมงบลงทุนที่เป็นเงินนอกงบประมาณอีกด้วย

นายชนินทร์ กล่าวว่า ในระยะสั้นงบลงทุนเหล่านี้ จะเป็นการ “หมุนเฟืองตัวแรก” คือการจ้างแรงงาน การผลิตวัตถุดิบ และการสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเป็นต้นน้ำในการนำรายได้เหล่านั้นไปเคลื่อนเศรษฐกิจต่อ รวมถึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของเอกชน และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเด้วย และในระยะกลาง โครงการก่อสร้างเหล่านี้ จะดึงดูดการ “ต่อเฟือง” หรือ Crowding-in effects ดึงดูดเอกชนทั้งในและนอกพื้นที่ ที่เห็นโอกาสของการพัฒนาในพื้นที่นั้น มาร่วมลงทุนเปิดธุรกิจ เปิดโรงงาน สร้างชุมชน หรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆในพื้นที่ระแวกนั้นไปพร้อมกัน และในระยะยาว เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นก่อสร้างเสร็จ ก็จะเป็นการ “เดินเครื่องยนต์” เสริมศักยภาพทางการแข่งขันให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลดระยะเวลาการเดินทาง ลดต้นทุนการขนส่ง หรือเพิ่มศักยภาพรองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น โดยงบประมาณปีนี้มีการเพิ่มงบลงทุนในถนนหนทางเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กระจายทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ทั้งในรูปของการตัดเส้นทางใหม่, ขยายเส้นทางเดิม และบูรณะให้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าเส้นเลือดหลักของการสัญจรที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนที่สุด ก็คือการพัฒนาถนนหนทาง ผมก็ยังไม่เข้าใจมุมมองของเพื่อนสมาชิกฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามกับงบพัฒนาถนนที่มากในปีนี้ เพราะในมุมมองของพรรครัฐบาล การลงทุนในถนนคือการลงทุนที่พี่น้องประชาชนสัมผัสได้ และได้ประโยชน์อย่างเร่งด่วน” นายชนินทร์กล่าว

นอกจากนี้ นายชนินทร์ยังย้ำว่า รัฐบาลที่นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการขนส่งครั้งใหญ่ของประเทศ วางรากฐานสำหรับอนาคตให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ทั้งการเดินหน้ารถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟสใหม่ ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย, เร่งก่อสร้าง รถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย รองรับการขนส่งสินค้าจากประตูมังกรหนองคายเชื่อมยาวไปที่ท่าเรือแหลมฉบัง, เดินหน้าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ SEC และการพัฒนาทางรถไฟ Landbridge เชื่อมอ่าวไทยกับอันดามัน เพื่อมุ่งหวังยกระดับไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคให้สำเร็จให้ได้