เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2868 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการระหว่างสองหน่วยงานสำคัญ เพื่อยกระดับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ให้กลายเป็นจุดหมายใหม่ที่น่าสนใจ

โครงการดังกล่าวยังมุ่งเน้นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ

โดยมีอ่างเก็บน้ำ/เขื่อน 9 แห่ง ที่ได้รับการคัดเลือก ดังนี้:

อ่างเก็บน้ำคลองกะทูน (นครศรีธรรมราช) – “สวิตเซอร์แลนด์แดนใต้” ในหุบเขา สวยงามและเงียบสงบ

เขื่อนกระเสียว (สุพรรณบุรี) – เขื่อนดินยาวอันดับสองของประเทศ พร้อมกิจกรรมขี่จักรยานบนสันเขื่อน

เขื่อนกิ่วลม (ลำปาง) – ล่องแพชมวิวทิวเขาและป่าไม้รอบอ่างเก็บน้ำ

อ่างเก็บน้ำดอกกราย (ระยอง) – ปั่นจักรยาน ตกปลา และรับประทานอาหารริมอ่างน้ำ

อ่างเก็บน้ำบางพระ (ชลบุรี) – ถ่ายภาพ เดินป่า ดูนก ปั่นจักรยาน พายเรือคายัค

เขื่อนแม่กวงอุดมธารา (เชียงใหม่) – ล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเขื่อน

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน (พิษณุโลก) – เล่นน้ำ ชิมอาหารที่ซุ้มไม้ไผ่และแพลอยน้ำ

เขื่อนลำตะคอง (นครราชสีมา) – ปั่นจักรยานชมวิวกังหันลมและอ่างพักน้ำตอนบน

อ่างเก็บน้ำปางตอง (ปางอุ๋ง) (แม่ฮ่องสอน) – กางเต็นท์สัมผัสหมอกยามเช้าท่ามกลางป่าสน

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า เขื่อนและอ่างเก็บน้ำเหล่านี้มีบทบาทสำคัญไม่เพียงแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังช่วยกักเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและเกษตรกรรม ช่วยหน่วงน้ำบรรเทาอุทกภัย รวมทั้งรักษาระบบนิเวศ ถือเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง

"ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ขอเชิญชวนคนไทยไปท่องเที่ยวตามเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเหล่านี้ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ คลายร้อน และสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน," นายอนุกูล กล่าวสรุป