พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้า “แจกเบ็ด” ไม่แจกปลา “สุรเดช” ลุยพื้นที่ลำปางส่งเสริมอาชีพ หนุนชุมชนเข้มแข็ง สอดรับ “อนุรักษ์นิยมทันสมัย” ยึดหลักพึ่งพาตนเองตามแนวพระราชดำริ เพื่อพัฒนาสังคมยั่งยืน 

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568    นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะประชาชนกลุ่มผลิตไม้กวาดจากวัสดุเหลือใช้ บ้านแม่ฮวก ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ว่า การพบปะในครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ซึ่งมอบนโยบายให้ ส.ส. และผู้บริหารพรรคลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหาเชิงลึกของประชาชน และเร่งประสานงานกับหน่วยงานรัฐ เพื่อแก้ไขอย่างตรงจุด ผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร

นายสุรเดชกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยึดแนวทาง “แจกเบ็ด” มากกว่า “แจกปลา” โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยระบุว่า “เราขออธิบายแบบภาษาชาวบ้าน เราไม่ชอบแจกปลา เราชอบแจกเบ็ด เพราะแจกเบ็ดแล้วคนจะตกปลาได้เอง แต่ถ้าแจกปลา ก็ต้องแจกไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น”

แนวคิดดังกล่าวสะท้อนพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเน้นว่า“การช่วยเหลือประชาชน ต้องช่วยในทางที่จะให้เขาช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่ให้เฉย ๆ เพราะนั่นไม่ยั่งยืน เหมือนกับการให้ปลา เขากินวันเดียวก็หมด ต้องให้คันเบ็ด ให้ความรู้ ให้เขาไปหาปลาเองจึงจะถาวร”

รวมถึงยังสอดคล้องกับพระราชดำรัสในรัชกาลที่ 10 ที่ทรงย้ำในพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ว่า “จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรอย่างยั่งยืน”

นายสุรเดชยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบ “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ว่า แม้โพลจำนวนมากจะสะท้อนว่าประชาชนเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว แต่ตนยังมีความเห็นว่า ประเทศควรเดินหน้าในเชิงโครงสร้าง ด้วยการลงทุนสร้างทักษะ อาชีพ และระบบเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง

“เราเข้าใจว่าหลายคนดีใจเมื่อได้รับเงิน แต่สิ่งที่ยั่งยืนกว่าคือให้โอกาส ให้เครื่องมือ และสร้างความมั่นคงในชีวิต ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการแจกเงินเป็นหลัก เพราะนั่นไม่เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจในระยะยาว”

ในด้านการเมือง นายสุรเดชยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เป็นศัตรูกับพรรคใด พร้อมเปิดกว้างความร่วมมือกับพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในหลักการชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่สนับสนุนการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และไม่เห็นด้วยกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์