เมื่อวันที่ 3  มิถุนายน 2568   น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 3-6 มิ.ย. 68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย จะนำคณะผู้แทนจากประเทศไทย  อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และนายภาสกร  บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าร่วมการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 8 : Global Platform for Disaster Risk Reduction (GP2025) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส 

ทั้งนี้ ตลอดภารกิจนอกจากการประชุมเต็มคณะร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการหารือโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีแล้ว การเข้าร่วมประชุม GP2025 ในครั้งนี้ นายอนุทิน มีกำหนดเข้าประชุมหารือทวิภาคี เพื่อแสวงหาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย อาทิ การหารือกับกับ Mr. Kamal Kishore ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และหัวหน้าสำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (UNDRR)

นอกจากนี้ จะได้หารือกับ Mr. HARA Hiroaki รัฐมนตรีช่วยว่าการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ฝ่ายประสานนโยบาย ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับการพัฒนาการแจ้งเตือนภัย  และการหารือกับ Mr. Ahmad Zahid Bin Hamidi รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาชนบท และภูมิภาค มาเลเซีย เกี่ยวกับความร่วมมือการจัดการภัยพิบัติของทั้ง 2 ประเทศ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การประชุม GP ซึ่งมี UNDRR เป็นฝ่ายเลขานุการนี้ เป็นการประชุมตามพันธกรณีของกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ค.ศ. 2015 - 2030 (กรอบเซนได) ที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ 2 - 3 ปี นับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 เพื่อเป็นกลไกระดับโลกในการขับเคลื่อนและติดตามความคืบหน้าของกรอบเซนได รวมทั้งเป็นเวทีหารือและแลกเปลี่ยนการดำเนินงานด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมทั้งบูรณาการกรอบการดำเนินงานระดับโลกอื่น ๆ ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 โดยมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านการจัดการภัยพิบัติจากประเทศต่างๆ เข้าร่วม

สำหรับการประชุม GP2025 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “Every days counts, act for resilience today” เพื่อสื่อถึงความเร่งด่วน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายของกรอบเซนไดให้บรรลุผลภายในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ก่อนที่จะครบวาระในปี ค.ศ. 2030 โดยมุ่งหมายให้ทุกประเทศร่วมมือกันเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อภัยพิบัติ (Resilience) ด้วยการเตรียมความพร้อม การส่งเสริมขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าก่อนเกิดภัย การลดความเสี่ยง และการรู้เท่าทันปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา