วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568 17:23 น.

การเมือง

ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์สภาฯ รับหนังสือจากประธานชมรมสันติประชาธรรม และคณะผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้ซื้อบ้าน

วันพุธ ที่ 04 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 12.07 น.

เมื่อวันที่ 4  มิถุนายน 2568  เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ นายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และคณะผู้เสียหาย เพื่อขอให้ช่วยเหลือกรณีประชาชนกว่า 400 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากถูกหลอกลวงจากบริษัทแห่งหนึ่งให้ผ่อนชำระค่าส่งบ้าน ในรูปแบบการเช่าออมกับบริษัท หรือผ่อนดาวน์บ้าน แต่เมื่อครบกำหนดไม่ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์ในการครอบครองบ้าน และได้รับหมายศาล ถูกฟ้องขับไล่ จนกลายเป็นผู้ถูกดำเนินคดี 

นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายในรูปแบบการซื้อแบบปลอดจํานอง ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์โดยการเคาะไม้ แต่ไม่มีการเปลี่ยนชื่อหลังโฉนด เป็นเหตุให้ผู้รับจํานองคิดดอกเบี้ยกับผู้ลูกหนี้ผู้บริโภคในช่วงเวลาที่จ่ายล่าช้า  และในรูปแบบซื้อแบบติดจํานอง ผู้ซื้อได้ กรรมสิทธิ์โดยการเคาะไม้ แต่ไม่ยอมไปไถ่ถอนจํานอง เป็นเหตุให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยลูกหนี้ และฟ้องลูกหนี้และผู้ซื้อคนนั้นอีกครั้ง มีการใช้อิทธิพลในการคุกคามผู้เสียหายมิให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ดังนี้ 

1. ให้ธุรกิจการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา 2. ออกกฎกระทรวง เพื่อบังคับให้ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด ต้องรับไปซึ่งภาระหนี้และดอกเบี้ยอันอาจเกิดมีขึ้น 3. ผู้ซื้อทรัพย์ จากการขายทอดตลาดต้องนําเงินมาไถ่ และโอนโฉนดให้แล้วเสร็จภายใน 30 - 60 วัน โดยไม่มีข้อยกเว้น 4. แก้กฎหมายโดยเฉพาะในการร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด ไม่มีผลให้ผู้ซื้อชะลอการจ่ายเงินให้แก่กรมบังคับคดี 5. เฉพาะผู้มีชื่อหลังโฉนดเท่านั้น ที่จะมีอํานาจฟ้องขับไล่ หรือ ทํานิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวได้ 6.ให้ผู้ประกอบธุรกิจประเภทปล่อยกู้ เช่าซื้อ หรือคิดดอกเบี้ยในทํานองเดียวกับธนาคาร สถาบันการเงิน ฯลฯ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย 7. เพิ่มเป็นฐานความผิดในกฎหมายฟอกเงิน เพื่อมิให้อาศัยช่องว่างกฎหมาย ในการเอาเปรียบผู้บริโภค หรือกําหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษให้รุนแรง เพื่อป้องปรามไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างเพราะช่องว่างของกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้นั้นทําโดยไม่อาจเอาผิดได้ตามกฎหมาย หากไม่แก้กฎหมาย ประชาชนผู้บริโภคก็จะเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด

ด้านนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายให้ตนเป็นผู้แทนในการรับหนังสือเนื่องจากติดภารกิจ ทั้งนี้ ประธานสภาฯ ฝากความห่วงใยมายังผู้เสียหายทุกคน ซึ่งกรณีนี้มีผู้บริโภคได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก นายเจษ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวตามกระบวนการทางสารบรรณเรียบร้อยแล้วจะนำกราบเรียนประธานสภาฯ อย่างเร่งด่วนต่อไป
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง