การเมือง
วุฒิสภาเตรียมลงพื้นที่รับฟังเสียงประชาชนปมชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมจี้รัฐบาลเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญหารือ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ประธานวุฒิสภา นำคณะ แถลงการณ์ "ขอให้คณะรัฐมนตรีเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา"
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 09.40 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง และคณะสมาชิกวุฒิสภา แถลงการณ์เรื่อง “ขอให้คณะรัฐมนตรีเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา” ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ข้อมูลที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนตามการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายบริหารยังไม่มีความชัดเจนถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ อาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกำลังทหารของกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นระยะทางถึง 200 เมตร
พร้อมทั้งขุดแนวคูเลตในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย และถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีสัญญาณที่ดีที่ฝ่ายกัมพูชายินยอมถอนกำลังทหารกลับออกไป แต่ยังเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระดับพื้นที่มิใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างถาวร จึงเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป และขอขอบคุณทหารไทยทุกเหล่าทัพ รวมถึงตำรวจและฝ่ายปกครองที่ได้แสดงจุดยืนในการรักษาอำนาจอธิปไตยภายใต้การเจรจาอย่างสันติ ทำให้สถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อพิจารณาถึงหน้าที่ของรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 5 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง ว่า “รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน” แล้ว
วุฒิสภา ในฐานะที่เป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ และมีสมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยเหนือผืนแผ่นดินไทย วุฒิสภาตระหนักถึงแนวทางในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยสันติวิธี แต่ทั้งนี้ต้องยืนอยู่บนหลักการแห่งความเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจและเท่าเทียมกันในฐานะมิตรประเทศ เพื่อการนี้วุฒิสภาจึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของประเทศ โดยรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายและขอให้รัฐบาลได้ยืนหยัดในการสงวนสิทธิไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice : ICJ) ในกรณีที่มีข้อพิพาทตามสัญญาระหว่างประเทศ ตามนัยแห่งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ซึ่งกำหนดเป็นหลักการให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือสัญญา ซึ่งมีข้อบทให้อำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น ให้จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้ทุกเรื่อง เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ
พร้อมกันนี้ วุฒิสภาขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ให้ดำเนินการกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 122 ประกอบมาตรา 175 เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามมาตรา 165 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา...” ทั้งนี้ เพื่อให้ฝ่ายบริหารได้แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชาต่อประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งสาเหตุของปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ได้ร่วมกันเสนอแนวคิดและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งต้องกระทำอย่างเร่งด่วน เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ไม่สามารถรอให้ถึงวันเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปี ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ได้
การเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาในห้วงเวลานี้จะเป็นเวทีหลอมรวมพลังของคนในชาติผ่านผู้แทนปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ และทุกสาขาอาชีพ เป็นการเสริมพลังของประเทศ อีกทั้งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการผนึกกำลังเพื่อร่วมกันแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นในทุกมิติ อันจะเป็นแรงผลักดันและสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ตามแนวทางสันติวิธีพร้อมกับการรักษาเกียรติภูมิของประเทศในเวลาเดียวกัน แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 123 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติว่า “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งสองสภารวมกัน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาให้นําความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญได้” ก็ตาม แต่การที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายริเริ่มดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจะมีความเหมาะสมและมีความสง่างามในเชิงสถาบันในฐานะที่เป็นองค์กรผู้บริหารราชการแผ่นดินในเรื่องนี้โดยตรง รวมทั้งเป็นการแสดงความกล้าหาญ อันเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อสาธารณชนว่า รัฐบาลมิได้เพิกเฉยหรือปัดความรับผิดชอบ แต่พร้อมเผชิญหน้าและดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาผ่านกลไกรัฐสภาบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โอกาสเดียวกันนี้ วุฒิสภาขอส่งกำลังใจไปยังข้าราชการทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาท ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ เสียสละและเข้มแข็ง เพื่อรักษาเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศ ในการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน พร้อมทั้งขอส่งกำลังใจไปให้พี่น้องประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ให้มีขวัญและกำลังใจที่เข้มแข็ง และเชื่อมั่นว่า ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติให้คงอยู่สืบไป
ประธานวุฒิสภา ยังเปิดเผยว่า วุฒิสมาชิกจะลงพื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อพบปะ รับฟังความคิดเห็น และสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมส่งกำลังใจแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของชาติ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- อนุทิน” เปิดดีล7 สส.กลุ่มมะขาวหวาน พปชร.หลังตั้งทีมงาน “สันติ พร้อมพัฒน์” เป็นที่ปรึกษา รองนายกฯ 11 มิ.ย. 2568
- "หมอ-นักวิชาการ' ผนึกกำลังต้าน "บุหรี่ไฟฟ้า' เร่งให้ความรู้พ่อแม่ ผู้ปกครอง-ครู สังคมตระหนักรู้เท่าทันมหันตภัยร้าย กลยุทธ์การตลาด 11 มิ.ย. 2568
- นายกฯขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ขอฝ่ายมั่นคงช่วยประสานด่านเปิด - ปิด สองประเทศให้เวลาตรงกัน 11 มิ.ย. 2568
- "วราวุธ" กำชับ ทีม พม.สุพรรณบุรี รุดเยี่ยมครอบครัว-นร. ได้รับผู้บาดเจ็บ เหตุรถบรรทุก 18 ล้อ ฝ่าไฟแดงแยกสามชุกชนรถรับส่งนักเรียน 11 มิ.ย. 2568
- “อิทธิ” ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการจัดที่ดินทำกินในเขตปฏิรูปที่ดิน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี 11 มิ.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
"นฤมล-อิทธิ" มอบกรมปศุสัตว์ ประสานตำรวจ ปคบ.บุกตรวจห้องเย็นย่านเมืองสมุทรสาคร จับขาไก่เถื่อนกว่า 346 ตัน 20:29 น.
- มทภ.2 สั่งเข้ม เปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ห้ามส่งออกยุทโธปกรณ์-งดจ่ายไฟ หากอีกฝ่ายเสริมกำลังทหาร 20:07 น.
- "สาธิต" ขอบคุณ "กัมพูชา-ฮุนเซน" ทำให้กองทัพไทยตื่นตัว-บางคนได้รู้ "ทหารมีไว้ทำไม" 19:49 น.
- พม.ขานรับนโยบายช่วยกลุ่มเปราะบาง 7 จว.ชายแดนรับมือศึกไทย-กัมพูชา 19:35 น.
- "บัญชา" ร่วมประชุมคณะกรรมการชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน ด้วยความอดทน มุมานะ 18:31 น.