วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568 07:47 น.

การเมือง

"หมอ-นักวิชาการ' ผนึกกำลังต้าน "บุหรี่ไฟฟ้า' เร่งให้ความรู้พ่อแม่ ผู้ปกครอง-ครู สังคมตระหนักรู้เท่าทันมหันตภัยร้าย กลยุทธ์การตลาด

วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 11.17 น.

"หมอ-นักวิชาการ' ผนึกกำลังต้าน "บุหรี่ไฟฟ้า' เร่งให้ความรู้พ่อแม่ ผู้ปกครอง-ครู สังคมตระหนักรู้เท่าทันมหันตภัยร้าย กลยุทธ์การตลาด หลังบริษัทผู้ผลิตพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ มุ่งเจาะกลุ่มเด็ก-เยาวชน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568   ที่โรงแรม Courtyard by Marriott Bangkok สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนัก 1 ได้จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ "รู้ทันบุหรี่ไฟฟ้า ภัยร้ายใกล้ตัวเด็กและเยาวชน"เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองรับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ากับเยาวชนในปัจจุบัน รวมทั้ง รู้ทันกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้านำมาใช้ในการชักจูงเด็กและเยาวชน

โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวในเวทีสัมนาว่า ในปี 2557ประเทศไทยห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ในขณะนั้นมี 13 ประเทศทั่วโลกประกาศห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ปัจจุบันนานาประเทศทยอยห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือน พ.ค. 2568 พบว่ามี 46 ประเทศ ประกาศห้ามขาย บุหรี่ไฟฟ้า เหตุผลหลักเป็นเพราะเกิดการระบาดในเด็กและเยาวชน จากการออกแบบอุปกรณ์สูบ การเติมรสชาตินับ พันรส และการตลาดที่พุ่งเป้าเด็กเยาวชน เกินความสามารถในการควบคุม ซึ่งในประเทศไทยจากการสำรวจพบว่าอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของประชากรไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปในปี 2567 มีจำนวน 900,459 คน คิดเป็น 1.52% จากจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดที่มีจำนวน 9.7 ล้านคน ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2557 ที่มีจำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า 48,336 คน หรือ 0.10%การสูบบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นวิธีการใหม่ในการนำสารเสพติดนิโคตินเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็น อันตรายอย่างมากต่อสมองของเด็กวัยรุ่นในส่วนที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ การควบคุมอารมณ์ โดยวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะสูบบุหรี่มวนและใช้ยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ตามมาและพบว่าวัยรุ่นไทย 7 ใน 10 คนที่ติดบุหรี่มวนไม่สามารถเลิกสูบไปตลอดชีวิต เพราะเสพติดนิโคติน ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าส่อว่าจะเสพติดหนักหน่วง และเลิกยากยิ่งกว่าบุหรี่มวน

ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่าสถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนไทยยังคงน่าเป็นห่วง โดยกลุ่มเยาวชนถือเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทผู้ผลิต เห็นได้จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ "ทอยพอด' ที่มีความหลากหลาย มีสีสันสวยงาม ใช้งานง่ายเช่น รูปตุ๊กตา ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยล่าสุด บริษัทผู้ผลิตได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ 'พอดจมูก' หรือ Nose pod ซึ่งมีลักษณะคล้ายยาดม โดยทอยพอดและพอดจมูก จะมีขนาดเล็กสีสันสวยงามใช้งานง่ายเหมาะสำหรับนักสูบมือใหม่แยกไม่ออกว่าเป็นของเล่นจริงหรือบุหรี่ไฟฟ้า และยังมีกลิ่นหอมหลากหลายชนิด เยาวชนจำนวนมากจึงเข้าใจผิดว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ทอยพอดถูกออกแบบมาให้สูบทางจมูกแทนการสูบทางปาก แม้ควันจะเบาบางไม่เหมือนบุหรี่ไฟฟ้าทั่วไป แต่ยังคงมีสารนิโคตินและสารเคมีอื่นที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบสมอง และมีผลต่อพัฒนาการของเยาวชนผู้ปกครอง ครู-และสังคมควรร่วมกันเฝ้าระวังและให้ความรู้แก่เยาวชนถึงอันตรายที่แท้จริงของบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งทอยพอดและพอดจมูก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบในคราบของเล่นที่ดึงดูดกลุ่มเยาวชนโดยเฉพาะ

ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ. วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์ (หมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ) กล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้า มีอันตรายไม่ต่างจากบุหรี่มวน โดยมีนิโคตินสูงมาก ก่อให้เกิดอันตรายต่อสมอง โดยเฉพาะสมองของเด็กที่ยังเจริญไม่เต็มที่ ส่งผลต่อการพัฒนาของสมองและการเรียนรู้อย่างมาก

นอกจากนี้บุหรี่ไฟฟ้ายังมีความสะดวกในการใช้งานเพราะไม่ต้องใช้ไฟ พกพาได้ง่าย และรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้ายังถูกออกแบบ ให้มีความน่ารักสวยงามมีรสชาติหอมหวานดูไม่เป็นพิษภัย แต่การสูบแต่ละครั้งอาจได้ปริมาณ นิโคตินมากกว่าการสูบบุหรี่ปกติพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงครูและผู้ใหญ่ในสังคมต้องสอดส่องดูแลเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าให้มาก โดยให้ความรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ต้องทำให้เด็กและเยาวชนเข้าใจถึงการตลาดของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าเหล่านี้คุณยศวดี ดิสสระ ผู้แทนเยาวชนในนามเครือข่ายนักสื่อสารรุ่นใหม่ ระบุ ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาใหญ่เรื่อง การขาดความรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงตัวเยาวชน แต่ยังรวมถึงครอบครัวโรงเรียน และผู้ใหญ่รอบตัว โดยยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องว่าบุหรี่ไฟฟ้าคือผลิตภัณฑ์อันตราย ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่แฟชั่น และไม่ใช่สิ่งที่ไม่เป็นไรตามที่ใครหลายคนเข้าใจ

"ทุกท่านทราบไหมว่า เด็กประถมรู้จักบุหรี่ไฟฟ้ากันหมดแล้ว" คำถามนี้อาจฟังดูเกินจริง แต่ในฐานะคนทำงานด้านการพัฒนาเยาวชนและสื่อสารสุขภาวะ คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นน่าตกใจยิ่งกว่า ซึ่งจากการไปทำ กิจกรรมในโรงเรียนแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อถามนักเรียนชั้นประถมพบว่าทุกคนเคยได้ยินคำว่าบุหรี่ไฟฟ้า และเด็กมากกว่า 70% บอกว่าเคยลองบุหรี่ไฟฟ้า และมีเด็กบางคนบอกชัดเจนโดยไม่มีความลังเลว่า "ที่บ้านก็ใช้และขายด้วย"นพ. วรวุฒิ กล่าว

นพ. วรวุฒิ บอกอีกว่าในการสำรวจข้อมูลในการลงพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ พบกรณีครูยึดบุหรี่ไฟฟ้าจากนักเรียน แต่กลับถูกผู้ปกครองมาพบที่โรงเรียนเพราะเห็นว่าเป็นของที่ซื้อให้ลูกเองในราคาสูง โดยเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตราย ไม่เสพติด และเป็นเพียงสินค้าแฟชั่นอย่างหนึ่งเท่านั้นเราจะเห็นภาพร่วมกันชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ทุกที่ในสังคม แต่การรู้เท่าทันนั้นยังมีอยู่เฉพาะบางที่และบางคนซึ่งเรื่องดังกล่าวสังคมต้องตระหนักรู้ของพิษร้ายที่เกิดบุหรี่ไฟฟ้าก่อนที่จะเกิดปัญหาระยะยาว
 
 

หน้าแรก » การเมือง