วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 15:08 น.

การเมือง

50 ปีมิตรภาพไทย-จีน "ภูมิธรรม" ร่วมเวทีโลก "ฮุน มาเนต" อ้างคำสอนเหล่าซือ ย้ำสันติวิธีคือพลังนักสู้

วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 13.47 น.

ฟอรั่มอารยธรรมไทย-จีน สะท้อนพลังสันติภาพ ท่ามกลางไฟแห่งความขัดแย้งในภูมิภาค "ฮุน มาเนต" ใช้ปรัชญาเต๋าส่งสัญญาณเตือนใจผู้นำ ขณะที่ผู้นำโลกตบเท้าร่วมงาน 

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 จากกรณี สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นปัญหาร้อนแรง ล่าสุด ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี โพสต์ปรัชญาจีนของ Lao Tzu หรือ เหล่าซือ หรือ เหล่าจื่อ ซึ่งเป็นนักปรัชญาชาวจีนที่มีชื่อเสียงคนแรกของลัทธิเต๋าของจีน และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แต่งคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง (Tao Te Ching) ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญของลัทธิเต๋า ที่ระบุข้อความว่า "The best fighter is never angry" (นักสู้ที่ดีที่สุด คือผู้ไม่รู้สึกโกรธเคือง)  และยังเขียนข้อความแปลเป็นไทยอีกว่า เหล่าซือ กล่าวว่า "นักสู้ที่ดีที่สุด คือผู้ไม่รู้สึกโกรธเคือง" จงสงบสติอารมณ์ จดจ่อกับเป้าหมายหลัก อย่าลังเลที่จะโจมตีเมื่อมีโอกาส

ขณะที่นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกสมาพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ซุน ชุนหลาน ประธานสหพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ ร่วมมือกันจัดงาน "ฟอรั่มอารยธรรมแห่งความปรองดองประจำปี 2025" ฉลองความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน เพื่อแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านอารยธรรมและวัฒนธรรมในการประยุกต์ใช้ปรัชญาแห่งความปรองดองที่เป็นปรัชญาตะวันออก สร้างความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ตลอดจนสร้างฉันทามติ เพื่อสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และก้าวสู่อนาคตอันสดใสร่วมกัน ที่โรงแรมแชงกรีล่า

โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายซูโอะ ฟูคาดะ นายกสภาสหพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น, นาโรมาโน โปรดี ประธานกิตติมศักดิ์ของเวทีการกุศลจีน-อิตาลี อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอิตาลี, นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี, Mr.firmin Edouard Matoko ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ องค์การยูเนสโก, นางหวัง เชา ประธานสมาคมการทูตจีน, นายหาน จื้อดฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำราชอาณาจักรไทยร่วมงาน

นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกสมาพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ฟอรั่มอารยธรรมแห่งความปรองดองประจำปี 2025" จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง ความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ประเทศไทยและประเทศจีนให้ความสำคัญของมิตรภาพระหว่างไทยกับจีนสูงมาก ทางจีนให้เกียรติและให้ความสำคัญ นำสมาพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ มาประชุมที่ประเทศไทยในครั้งนี้ และหัวใจสำคัญของสมาพันธ์ขอจื๊อนานาชาติได้เสนอสันติภาพสันติสุขของอารยธรรมโลก โลกนี้อยู่ด้วยกันด้วยความสงบร่มเย็น มีมิตรไมตรีเอื้ออาทร มีจิตวิญญาณแห่งความเสียสละ นี่คือเป้าหมายที่สำคัญของสมาพันธ์ขอจื้อนานาชาติ

ด้วยปรัชญาของขงจื๊อ กว่า 2,600 ปี ได้พูดถึงมวลมนุษยชาติ ว่าควรจะอยู่ร่วมกัน ด้วยความแบ่งปัน ด้วยสันติ ไปพร้อมกับลดความขัดแย้ง ลดการต่อสู้ สงคราม ซึ่งเข้ากับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน เมื่อเกิดสงครามความแตกแยกยุทธศาสตร์จีนก็พยายามนำเอาปราชญาขงจื้อ วันนี้เรามีผู้นำจากหลายประเทศเดินทางมาเข้าร่วมงาน  งานในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์จีนให้แข็งแกร่ง พัฒนาเพิ่มขึ้น แลกเปลี่ยนในเรื่องของนักท่องเที่ยวจีนการส่งออกการร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนการท่องเที่ยว การศึกษาวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีครอบคลุมทั้งหมด

"ซึ่งงานครั้งนี้ได้รับการการสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่ง จากสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำอาณาจักรไทย, สภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ โดยสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเป็นหน่วยสนับสนุน รวมถึงมหาวิทยาลัยปักกิ่ง, ศูนย์การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศูนย์วัฒนธรรมจีน ณ กรุงทพฯ ร่วมเป็นหน่วยงานผู้ร่วมจัด ขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ปีนี้เรากำลังก้าวสู่ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน ซึ่งสำคัญมาก จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ สันติ สมานฉันท์ เกื้อกูล ผลักดันสร้างอารยธรรมให้รุ่งเรือง ก้าวหน้า การจัดงานครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการตอบรับ วันสากลแห่งการเสวนาอารยธรรมขององค์การสหประชาชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตรการสำคัญในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ระหว่างจีน-ไทย อาเซียน และนานาชาติทั่วโลก ข้อริเริ่มอารยธรรมโลกเผยแพร่คุณค่าร่วมกับแห่งมวลมนุษยชาติ" นายพินิจกล่าว

ด้าน ซุน ชุนหลาน ประธานสหพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ กล่าวว่า ข้าพเจ้าดีใจและเป็นเกียรติที่ได้มาพบทุกท่าน เพื่อเข้าร่วมฟอรั่มอารยมธรรมแห่งความปรองดองประจำปี 2025 เพื่อผนึกความคิดให้มีความก้าวหน้า สหพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ ของเรามีผู้เข้าร่วมกว่า 122 ชาติ มีสถานะที่ปรึกษานานาชาติ จัดประชุมมา แล้ว 5 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,000 กว่าคน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วัฒนธรรม ไทย-จีน และครั้งนี้ได้ฉลอง 50 ปี

"สิ่งที่เราค้าขายไม่ใช่แค่ผ้า แต่เป็นมิตรภาพ ได้มีการเรียรู้วัฒนธรรม ที่ผ่านมาเราเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน สืบสานจากรุ่นสู่รุ่น ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้เยี่ยมเยือนกัน บรรลุความต้งการทั้งสองฝ่าย เพราะไทยจีนใช่อื่นไกลเป็นพี่น้องกัน เมื่อต้นปีที่ผ่านมาน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ไปเยี่ยมเยือนประเทศจีน เราบรรลุข้อตกลงต่างๆมากมาย" ซุน ชุนหลาน กล่าว

ซุน ชุนหลาน กล่าวต่อว่าเราใช้ฟอรั่มแห่งการปรองดอง ขงจื้อเรามีประวัติศาสตร์ยาวนาน สอนให้อยู่กันอยางปรองดองสันติ เราอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน เคารพบุคคล ศาสนาพุทธเน้นความสายกลาง ไทยเคารพค่านิยม ยอมรับสิ่งแตกต่าง เป็นแดนดินแห่งรอยยิ้ม เราจึงเคารพซึ่งกันและกันเน้นปรองดอง อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ผมขอโอกาสนี้แสดงความขอบคุณคณะผู้จัดงานที่ได้จัดเวทีอันทรงคุณค่านี้ ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความขัดแย้งในระดับภาครัฐ เวทีระหว่างประเทศ เพื่อเป็นพื้นที่ในการส่งเสริมความเข้าใจ การรับฟังและการเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นการอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง เราต้องยอมรับว่าความขัดแย้งไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์ มนุษยชาติต่างมีความช่วงเวลาของความไม่สงบ ความตึงเครียด และบางคร้ังก็จบลงด้วยความรุนแรง ปัญหาเหล่านี้แม้มีรูปแบบที่หลากหลาย แต่กลับมีต้นเหตุร่วมกัน นั้นคือการไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้บนความแตกต่าง การไม่เกิดการรับฟังกัน

"ประเทศไทยเคยเผชิญกับสภาวะเช่นนั้น ทั้งความขัดแย้งกันทั้งระดับชาติ และท้องถิ่น พื้นที่ชายแดน มีทั้งการขัดแย้งกันทางการเมือง ทางสังคมทางท้องถิ่น การแก้ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาเพียงลำพัง ต้องใช้ความเข้าใจ ความอดทนอดกลั้นและกระบวนการข้อพิพาทด้วยสันติวิธี เวทีเจรจายังคงเป็นรูปแบบที่จำเป็น เพื่อให้เเกิดบทสนทนาที่เท่าเทียมกัน"

การสร้างรัฐอาจไม่ยากนัก อาจมีดินแดน ประชากร รัฐบาล อำนาจอธิปไตย ก็เกิดเป็นรัฐได้ แต่การสร้างชาติให้พร้อมด้วยอารยธรรมนั้นยากกว่ามาก เพราะหมายถึงการให้ประชาชนทุกคน มีเจตจำนนที่มุ่งมั่นร่วมกัน มีฐานคิดร่วมกันบทหลักแห่งสันติภาพในฐานนะมนุษย์ พวกเราจำนวนมากมอง ความขัดแย้ง เป็นเรื่องปกติของมษย์ที่ต้องมีความเห็นต่าง ขัดแย้งกับ แต่การยอมรับว่ามันเป็นเรื่องปกติก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะจำนนแล้วปล่อยให้เกิดขึ้น โดยไม่ระมัดระวัง ความขัดแย้งจึงเป็นเรื่องที่ต้องทบทวน การถอดบทเรียน เพื่อทำให้เราต่างต้องหาทางเลือก ทางออก ป้องกันการขยาย ความขัดแย้ง และร่วมกันแสวงหาวิธีการที่เหมาะสม ในการบริหารและจัดการความขัดแย้ง อย่างที่ประชาคมมนุษย์พึงทำ ประวัติศาสตร์

ความชัดแย้งของมนุษยชาติไม่ใช่การปล่อยให้เกิดขึ้นและเป็นไป แต่หมายถึง การร่วมกันแสวงหาจุดเปลี่ยนผ่านที่ดีกว่า ด้วยวิธีการที่ทุกฝ่ายจำนวนมาก มีฉันทมติร่วมกัน ในบริบทของสถานการณ์เช่นนี้ หนทางแห่งการปรองดองจึงไม่ใช่เพียง การเจรจา หรือการต่อรอง เพียงประการเดียว หากแต่คือเจตจำนงแห่งการยอมรับความหลากหลาย ทั้งความคิด ความเชื่อ ความแตกต่าง หลายมิติ การสร้างวัฒนธรรมแห่งการเคารพยอมรับกัน ไม่ได้เกิดจากการบังคับ หากแต่ต้องสร้างให้เกิดเวทีที่มีกระบวนการสนทนาอย่างเท่าเทียม  เวทีดังกล่าวคือการรับฟังอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน ไม่ประนามคนเห็นต่างและลดการใช้อคติส่วนตัว การใช้วิธีการบนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์เวทีปรองดองสมานฉันท์ อันเป็นวัฒนธรรมแห่งอนาคตร่วมกัน

"ผมหวังว่า เวทีในวันนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการส่งเสริม การอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดองในทุกระดั โดยเริ่มต้นจากตัวเราทุกคน ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารที่สร้างสรรค์ และขอยืนยันว่า การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ไม่ใช่ การกำหนดให้เราต้องเอาแต่ยอมจำนน หรือหวาดกลัว ไม่ต่อสู้ แต่คือ การทำให้เราทุกฝ่ายได้เรียนรู้ร่วมกันว่า เราควรใช้ทางเลือกใด ทรัพยากรใดที่จะเอื้ออำนวยให้เราเห็นทางออกที่มากมายกว่าทางเลือกซ้ำเดิม และแสดงออกถึงความรู้คิดทางปัญญาอันเป็นวัฒนธรรมแห่งยุคสมัย ที่มีความสุขและความมั่นคงของมนุษย์และมีสังคมที่ คมที่สงบ สันติ เป็นศูนย์กลาง"

การประชุมสัมมนาในปีนี้มีหัวข้อ หลักคือ "ความสามัคคีและการอยู่ร่วมกัน, การขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้าของอารยธรรม" โดยยึดมุมมองระดับโลก และมุ่งเน้นการสนทนาเชิงลึกและการแลกเปลี่ยนความคิดของอารยธรรมหลากหลาย รวบรวมฉันทามติอันกว้างขวางในการรับมือกับความท้าทายของยุคสมัย และสร้างสรรค์แนวทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาร่วมกันของมนุษยชาติ

ในการประชุมที่ประเทศไทยในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 ท่านจากประเทศจีน ไทย และประเทศสมาชิกภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกจะมารวมตัวกัน อันประกอบไปด้วยแขกผู้มีเกียรติระดับสำคัญ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในสาขาการวิจัยด้านอารยธรรม เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย นักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ อธิการบดีมหาวิทยาลัย

รวมทั้งนักวิชาการรุ่นใหม่ในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ที่จะมาร่วมกันอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างลึกซึ้งในแต่ละประเด็น "การสนทนาอารยธรรมกับการพัฒนาโลก" "นวัตกรรมทางเทคโนโลยีกับการแลกเปลี่ยนทางมนุษยศาสตร์" "เยาวชนกับการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก" "การสืบทอดวัฒนธรรมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ" และหัวข้ออื่น ๆ และจะร่วมกันค้นหารูปแบบนวัตกรรมของการเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างอารยธรรม และวางแผนพิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่สำหรับการพัฒนาอารยธรรมโลก
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง