วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 21:26 น.

การเมือง

กมธ.วุฒิสภาแนะดึงพม่า-จีนร่วมวงสางปัญหาสารพิษแม่น้ำกกป่วนภาคเหนือ

วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 17.11 น.

กมธ.วุฒิสภา แนะใช้กลไก "คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง" ดึง พม่า-จีน ร่วมวงเจรจาแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก ค้านสร้างฝายดักตะกอน

วันที่ 10 มิ.ย.68 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงกรณีสารตะกั่วปนเปื้อนในแม่น้ำกก จนส่งผลกระทบต่อชาวอ.แม่อาย จ.เชียงใหม่และชาวจ.เชียงราย โดยเชิญอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ , ผู้แทนจากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งนักวิชาการจาก 3 มหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงรายเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง

น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ  กล่าวว่า จากข้อมูลและภาพถ่ายทางอากาศของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า พบว่าแหล่งที่มาของปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 ขณะที่ข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี บ่งชี้ว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะมีสารปนเปื้อนในบริเวณที่ทำเหมืองแร่ จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบให้ได้ว่าเป็นเหมืองแร่ชนิดไหน ส่วนการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบ ขณะนี้มีแนวคิดที่จะสร้างแก้มลิงเพื่อดักตะกอนดิน เพื่อนำตะกอนดินขึ้นมาบำบัด เนื่องจากการตรวจวิเคราะห์พบว่า น้ำที่ตกตะกอนแล้วจะไม่มีสารหนูและสารตะกั่วที่เกินค่ามาตรฐาน ขณะเดียวกันการประปาส่วนภูมิภาคจะต้องจัดเตรียมน้ำสะอาดสำหรับเตรียมแจกจ่ายประชาชน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาพบค่าความขุ่นในแม่น้ำกกสูงมาก จึงต้องใช้วิธีบำบัดโดยใช้วิธีที่เข้มข้นและยาวนานมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีตะกอนอยู่ในน้ำประปา ซึ่งจากการสำรวจพบว่าควรจะก่อสร้างสิ่งดักตะกอนทั้งสิ้นจำนวน 4 จุด โดยทางกรมควบคุมมลพิษจะเป็นเจ้าภาพในการเชิญกรมทรัพยากรน้ำ , กรมเจ้าท่า , กรมชลประทาน รวมทั้งนักวิชาการ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อหาแนวทางบรรเทาผลกระทบ ส่วนการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทางกรมอนามัยแนะนำว่าไม่ควรบริโภคปลาและพืชผัก แต่จะต้องหาทางออกให้กับประชาชนในพื้นที่ว่าจะดำเนินชีวิตได้อย่างไร เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีปัญหาการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมจำนวน 4 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยพบว่ามีประชาชนมาขอรับคำแนะนำในการปฏิบัติตนและเก็บตัวอย่างน้ำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อความมั่นใจ

ผศ.ดร.นิอร สิริมงคลเลิศกุล อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (เชียงราย) กล่าวว่า ผลกระทบจากสารตะกั่วปนเปื้อนในลำน้ำกกทำให้เกษตรกรที่เคยหาปลามาขายได้วันละ 1,000 บาท ปัจจุบันเหลือแค่ 100 บาท ส่วนข้าวก็ถูกกดราคาเพราะความกังวลของสารปนเปื้อน ดังนั้นประชาสังคมจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการเจรจากับประเทศที่เป็นต้นกำเนิดมลพิษและขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจคุณภาพน้ำในจุดเดียวกันและวันเวลาเดียวกัน โดยจะต้องแจ้งประชาชนด้วยว่าตรวจวัดคุณภาพน้ำด้วยเครื่องมือชนิดไหน เนื่องจากขณะนี้ยังพบความแตกต่างกันในการตรวจวัดคุณภาพน้ำของแต่ละหน่วยงานที่ไม่เหมือนกัน

ดร.วิสาข์ สุพรรณไพบูลย์อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ม.นเรศวร กล่าวว่าการเฝ้าระวังผลกระทบจะต้องมีมาตรฐานและความต่อเนื่อง เพราะสารปนเปื้อนในน้ำมีความเสี่ยงและจะสะสมอยู่ในห่วงโซ่อาหาร จะทำให้ปลาตัวเล็กมีน้อยกว่าปลาตัวใหญ่ ชาวบ้านในพื้นที่ก็มีโอกาสที่จะพบการปนเปื้อนและสะสมในร่างกายทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ส่วนจะเสี่ยงขนาดไหนจะต้องมีการชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชน

ขณะที่นายชีวะภาพ กล่าวว่า วันนี้ทางกมธ.ฯ กำลังถกเถียงกันว่า จะใช้วิธีการตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบใด และใครจะเป็นคนตรวจ ตรวจจุดไหนบ้าง ต้องคุยให้จบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้นคนที่เดือดร้อนคือประชาชน หากได้ผลนิติวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องมาวิเคราะห์ ก็จะพบว่าเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบเหล่านั้นก็ต้องออกมาดำเนินการให้ไปในทิศทางเดียวกัน สุดท้ายต้องมาดูว่าประชาชนจะปรับตัวและอยู่อย่างไร

นายชีวะภาพ ยังกล่าวว่า ขณะที่ฝ่ายราชการเองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน เพราะวันนี้ยังไม่เห็นการประชุมอะไรเลย การลงนามในสนธิสัญญา คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ Mekong River Commission ( MRC ) ที่มี 4 ประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขง และการบริหารจัดการน้ำประกอบโดย ไทย ลาว กัมพูชาและเวียดนาม แต่ยังขาดประเทศพม่าและประเทศจีน ที่เป็นต้นทางของแม่น้ำโขง ซึ่ง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ต้องแก้ไขปัญหาในสนธิสัญญา คือ นำประเทศพม่าและจีนเข้ามาร่วมประชุมด้วย เพราะปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสายมีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

“ผมจึงขอถามไปยังรัฐบาลว่าได้ประชุมอะไรบ้างหรือยัง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ต้องมีการประชุม MRC แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้าและมองว่าเรื่องนี้ต้องแก้ที่ต้นต่อ เราอยู่กลางน้ำแต่ต้นน้ำ มีการปล่อยสารพิษตลอด เราก็สู้ไม่ได้” นายชีวะภาพ กล่าว.

 ส่วนการสร้างแก้มลิงหรือเขื่อนดักตะกอน นายชีวะภาพมองว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เขื่อนป้องกันตะกอนน้ำแบบนี้ ถามว่าได้ 100% หรือไม่ แล้วตอนนี้ต้นน้ำที่เป็นแหล่งกำเนิดสารพิษได้เป็นการพูดคุยกันแล้วหรือไม่ ต้นน้ำยังแก้ไม่ได้ เราอยู่กลางน้ำก็ลำบาก

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง