วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:08 น.

การเมือง

"ทวี"  นำ เลขาฯ ป.ป.ส. บูรณาการ ทหาร-ตำรวจ-อัยการสูงสุด เปิดปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ชายแดนภาคเหนือ  

วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 14.31 น.

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และหน่วยงานความมั่นคง ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 4 โดยพุ่งเป้าไปที่การยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาตามหมายจับและเครือญาติรวม 8 ราย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 3 จุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แห่ง, รถยนต์ 1 คัน, รถจักรยานยนต์ 1 คัน และเงินฝากในบัญชีธนาคาร 625,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 3.6 ล้านบาท นอกจากนี้ ป.ป.ส. เตรียมออกหนังสือเรียกบุคคลที่มีเส้นทางการเงินต้องสงสัยอีก 12 ราย เข้ามาชี้แจงข้อมูลธุรกรรมการเงิน หากไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเครือข่ายนี้มีทรัพย์สินต้องสงสัยรวมมูลค่ากว่า 97 ล้านบาท

เปิดโปงเครือข่าย "อาฉ่าง" หรือ "เสี่ยม้าบิน" ผู้บงการค้ายาเสพติดข้ามชาติ

ปฏิบัติการในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการจับกุมผู้ต้องหา 8 ราย พร้อมยาบ้ากว่า 3 ล้านเม็ด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 โดยยาเสพติดดังกล่าวเป็นของ นายธัชพล ตระกูลมั่งมีดี หรือที่รู้จักกันในนาม "อาฉ่าง" หรือ "เสี่ยม้าบิน" ซึ่งเป็นผู้บงการให้บุคคลในเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก สหภาพเมียนมา เข้าสู่พื้นที่ชายแดนไทยด้านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ก่อนส่งต่อไปยังพื้นที่ตอนในของไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศ หรือส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธัชพล มีบทบาทสำคัญในการจัดหายาเสพติด (ยาบ้า, ไอซ์) โดยมีศักยภาพเข้าถึงกลุ่มผู้ผลิตในเมียนมา รวมถึงจัดหาทีมลำเลียงยาเสพติดจากเมียนมา และยังเป็นผู้มีอิทธิพลในฝั่งเมียนมา คอยอำนวยความสะดวก จัดหาที่พักอาศัย และดูแลความปลอดภัยให้กับเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงกลุ่มคนไทยที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด

จากรายงานล่าสุด ปัจจุบัน นายธัชพล พักอาศัยอยู่ในเมียนมา และมีกิจการหลายประเภทในจังหวัดท่าขี้เหล็กและจังหวัดเชียงตุง เช่น ร้านทอง, รับเหมาก่อสร้าง, อินเทอร์เน็ต, สถานบันเทิง (คาราโอเกะ ผับ), โรงแรม, ขนส่ง และจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 1,000 ล้านบาท

ยกระดับความร่วมมือไทย-เมียนมา ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา ในการปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค การบูรณาการข่าวกรองระหว่างหน่วยงานภายในประเทศและระหว่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง การประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เป็นรูปธรรม

สำหรับเครือข่ายที่ปฏิบัติการในวันนี้ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ บุคคลเป้าหมายหลักที่ถูกออกหมายจับมีพฤติการณ์ในระดับผู้สั่งการ มีศักยภาพในการจัดหายาเสพติดไปกระจายในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาแปลงเป็นทรัพย์สิน และลงทุนในธุรกิจต่างๆ ทั้งในไทยและเมียนมา ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
เดินหน้าขยายผล ต่อยอดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม"

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ได้มอบหมายให้ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมคณะ เดินทางไปเมียนมา เพื่อพบกับ พลตำรวจโท วิน ซอ โม ผู้บัญชาการตำรวจเมียนมาและเลขาธิการ CCDAC และ พลตำรวจจัตวา ต่าน ลวิน หม่อง เลขาธิการร่วมสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อหารือเกี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าว โดยจะขอความร่วมมือจากเมียนมาให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลตามหมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สินในเมียนมาต่อไป

ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคีให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการจับกุมกวาดล้างยาเสพติด ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญให้ถึงระดับผู้สั่งการ โดยเฉพาะผู้สั่งการที่มีศักยภาพในการจัดหายาเสพติดจากต้นทางประเทศเพื่อนบ้าน และใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทย รวมถึงใช้บุคคลชาวไทยถือครองทรัพย์สินแทน ยิ่งต้องเร่งดำเนินการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด

ตั้งแต่กลางปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" มาแล้วรวม 4 ครั้ง:

ครั้งที่ 1: จับกุมบุคคลตามหมายจับ 4 ราย ตรวจยึดทรัพย์สิน 66 ล้านบาท
ครั้งที่ 2: จับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 ราย ตรวจยึดทรัพย์สิน 101 ล้านบาท
ครั้งที่ 3: จับกุมบุคคลตามหมายจับ 1 ราย ตรวจยึดทรัพย์สิน 80 ล้านบาท
ครั้งที่ 4 (ล่าสุด): ยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3.6 ล้านบาท และตรวจสอบทรัพย์สินของเครือข่ายธุรกรรมการเงินต้องสงสัยมูลค่ากว่า 97 ล้านบาท

ปฏิบัติการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง และตัดเส้นทางการเงินของขบวนการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก
 

หน้าแรก » การเมือง