วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:29 น.

การเมือง

"ภูมิธรรม" ปัดชัดไม่เคยเซ็นรับรองทหารกัมพูชาเข้าปราสาทตาเมือนธม – ย้ำไทยยึด MOU 43 และเสนอเปิดด่านพร้อมกัน ลดเผชิญหน้า

วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 10.32 น.

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568     นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาอย่างผิดสังเกต พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าได้ลงนามอนุญาตให้ทหารกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้อยู่ภายใต้กรอบอำนาจของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเป็นหน้าที่ของกองทัพในการประเมินสถานการณ์และเสนอแนวทางที่เหมาะสม

ยังไม่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยว – กองทัพพร้อมรับมือทุกสถานการณ์

นายภูมิธรรมระบุว่า การเปิดหรือปิดจุดท่องเที่ยวชายแดน รวมถึงการเข้าออกพื้นที่ชายแดนนั้น เป็นอำนาจของ สมช. โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กองทัพรับผิดชอบประเมินสถานการณ์ เนื่องจากเป็นหน่วยงานแนวหน้า ทั้งนี้ยังไม่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจากทั้งสองชาติขึ้นเยี่ยมชมปราสาทแต่อย่างใด หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง แม่ทัพภาคที่ 2 จะเป็นผู้ตัดสินใจตามความเหมาะสม

ย้ำยังไม่มีความตึงเครียดระดับวิกฤต – เร่งเสริมหลุมหลบภัยชายแดน

สถานการณ์บริเวณชายแดนในขณะนี้ ยังไม่ถึงขั้นตึงเครียดจนสร้างความหวาดวิตกในหมู่ประชาชน นายภูมิธรรมเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำข้อมูลหลุมหลบภัยไว้เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการเสริมความแข็งแรง เพื่อรองรับกรณีฉุกเฉิน แม้บางจุดอาจยังไม่สามารถต้านอาวุธหนักได้ทั้งหมด

ย้ำไทยยึด MOU 43 – ปัดข้อกล่าวหาจากอดีต กกต.

สำหรับข้อกล่าวหาจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่อ้างว่านายภูมิธรรมเซ็นรับรองให้ทหารกัมพูชาเข้าปราสาทตาเมือนธมนั้น นายภูมิธรรมปฏิเสธโดยสิ้นเชิง พร้อมระบุว่า “ยังไม่ได้เซ็นอะไร” และยืนยันว่าทุกกระบวนการดำเนินไปตามบันทึกความเข้าใจ MOU 43 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) โดยรอการอนุมัติจากสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

จุดยืนชัดเจน: ปรับกำลังพร้อมเปิดด่าน ไม่เปิดฝ่ายเดียว

ในประเด็นที่กัมพูชาเสนอให้ไทยเปิดด่านก่อนแล้วตนจะเปิดตามภายหลัง 5 ชั่วโมงนั้น นายภูมิธรรมย้ำว่า จุดยืนของไทยคือ ทั้งสองฝ่ายต้องปรับกำลังและเปิดด่านพร้อมกัน ไม่สามารถดำเนินการฝ่ายเดียวได้ เพราะอาจกลายเป็นความสับสนและถูกกล่าวหาว่าเป็นการยั่วยุ

“สิ่งเหล่านี้ต้องกำหนดวัน เวลา และดำเนินการไปพร้อมกันทั้งหมด ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดำเนินการก่อน” นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมระบุว่าทางฝั่งกัมพูชาอ้างว่าอำนาจทั้งหมดอยู่กับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งไทยเข้าใจ แต่ยืนยันว่าแนวทางของไทยต้องสอดคล้องกับหลักการสากล และป้องกันไม่ให้ถูกมองว่าเป็นฝ่ายรุกราน

เชื่อยังมีช่องเจรจา แม้กัมพูชายังไม่พร้อมประชุม RBC

แม้ทางกัมพูชายังไม่ตอบรับการประชุม RBC อย่างเป็นทางการ แต่นายภูมิธรรมเชื่อว่าทางออกทางการทูตยังเปิดอยู่ เพราะ “คำพูดเปลี่ยนได้เสมอเมื่อมีเหตุหรือประโยชน์ที่จำเป็นต้องพูดคุย” พร้อมแสดงความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาข้อยุติร่วมกันได้บนพื้นฐานของความเข้าใจและการลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน

ทั้งนี้ ไทยยังคงยึดมั่นแนวทางสันติวิธีในการจัดการปัญหา และพร้อมให้ความร่วมมือในทุกกรอบเจรจาที่จะนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของทั้งสองประเทศ.

หน้าแรก » การเมือง