วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568 12:58 น.

การเมือง

‘โฆษกกระทรวงดีอี’ เปิดข้อมูลศูนย์ AOC 1441 ‘มิจฉาชีพ’ อ้างเป็น ‘จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ครู - หลอกลงทุนเทรดหุ้น’ หลอกติดตั้ง ‘แอปฯ ดูดเงิน’ สูญ 9 ล้าน

วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 16.22 น.

‘โฆษกกระทรวงดีอี’ เปิดข้อมูลศูนย์ AOC 1441 ‘มิจฉาชีพ’ อ้างเป็น ‘จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ครู - หลอกลงทุนเทรดหุ้น’ หลอกติดตั้ง ‘แอปฯ ดูดเงิน’ สูญ 9 ล้านบาท เตือนภัยประชาชน ระวังหลงกลตกเป็นเหยื่อ  

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 16 – 22 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,250,015 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนเทรดหุ้นน้ำมันดิบ ได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line ที่แสดงหน้าเพจเพื่อสอบถามรายละเอียด จากนั้นทำตามขั้นตอนที่ได้รับคำแนะนำ โดยโอนเงินเพื่อเทรดหุ้น ช่วงแรกได้รับเงินจริง จึงโอนเงินไปเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องโอนเงินจ่ายค่าสอนเทรดและค่าภาษีก่อน แต่เมื่อโอนไปแล้วยังคงไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
 
คดีที่ 2 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 1,786,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารกรุงไทย แจ้งว่าขณะนี้มีบุคคลอื่นนำเอกสารมอบอำนาจจากผู้เสียหายเข้ามาถอนเงินที่ธนาคาร หากไม่ได้เป็นผู้มอบอำนาจในการทำธุรกรรมครั้งนี้ แนะนำให้ติดต่อแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นโอนสายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้รับแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและคดีฟอกเงิน จะต้องโอนเงินทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วจะทำการคืนเงินให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปทั้งหมด หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก 
 
คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,003,395 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู แนะนำให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์เข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ของสหกรณ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่แนะนำจนเสร็จสิ้น ต่อมาภายหลังได้รับข้อความจากธนาคารแจ้งว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
 
คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,540,816 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายพบโฆษณาสอนเทรดหุ้นผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line ที่แสดงหน้าเพจเพื่อสอบถามรายละเอียด จากนั้นถูกดึงเข้า Group Line สอนเทรดหุ้น แนะนำให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน และทดลองโอนเงินเพื่อเทรดหุ้นทีละน้อย ช่วงแรกสามารถถอนเงินได้จริง จึงโอนเงินเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ภายหลังตรวจสอบจากหน้า Facebook พบว่ามีบุคคลอื่นๆ ส่งสัญลักษณ์แสดงความรู้สึกโกรธจำนวนหลายข้อความ ทำให้ทราบว่าเป็นเพจปลอม
 
“คดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 1,454,623 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษ เป็นการร่วมลงทุนเพื่อรับเงินปันผลจากการขายออนไลน์ ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแนะนำ โดยโอนเงินไปลงทุนช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง จึงโอนเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินได้และยังได้รับแจ้งให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก ทั้งนี้ 5 คดีข้างต้น มีมูลค่าความเสียหาย รวม 9,034,849 บาท”  
 
นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 20 มิถุนายน 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน อาทิ สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,833,952 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,067 สาย , ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 725,396 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,305 บัญชี , ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 229,664 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.66 , (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 167,560 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.11 , (3) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 101,141 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.94 , (4) หลอกลวงลงทุน 101,139 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.94 และ(5) หลอกลวงให้กู้เงิน 51,732 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.13 (และคดีอื่นๆ 74,160 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.22)  
 
“จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างเป็น เจ้าหน้าสหกรณ์ออมทรัพย์ครู หลอกให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน รวมทั้งยังพบเคสการหลอกลงทุนเทรดหุ้น และเคสข่มขู่เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร อ้างว่าผู้เสียหายพัวพันกับการฟอกเงิน ซึ่งพบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 9 ล้านบาท ทั้งนี้ขอย้ำว่า หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรต่างๆให้ติดตั้งแอปฯ ควรตรวจสอบให้แน่ชัด และห้ามดาวน์โหลดแอปฯ หรือกดลิก์ที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดอย่างเด็ดขาด ด้านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ด้านหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ จะไม่มีการโทรติดต่อโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด” โฆษกกระทรวงอีดีกล่าว 
 
นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าวว่าขอให้พี่น้องประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวงดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และหากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 หรือ แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชั่วโมง) รวมทั้ง Line ID: @antifakenewscenter  และเว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

 
 

หน้าแรก » การเมือง