วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:14 น.

การเมือง

รัฐบาลไทยคุมเข้มชายแดนไทย-กัมพูชา สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ – ย้ำไม่ใช่การ "ปิดด่าน"

วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 17.10 น.

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นาย นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)

นายนิกรเดช เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1, กองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งได้พิจารณาอย่างรอบคอบจากสถานการณ์ด้านความมั่นคง เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเป็นส่วนหนึ่งในการปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะ การหลอกลวงทางออนไลน์

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ใช่การปิดด่าน ตามที่บางกระแสข่าวรายงาน จุดผ่านแดนทั้งถาวร ชั่วคราว และผ่อนปรนทางการค้ายังคงเปิดทำการตามปกติ แต่เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบตามมาตรการขั้นที่ 1 และ 2 จากทั้งหมด 4 ขั้น

มาตรการยังอนุญาตให้บุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น ผู้ป่วยที่ต้องส่งต่อไปรักษา นักเรียนข้ามแดน หรือการซื้อขายของใช้จำเป็นในครัวเรือน ยังสามารถผ่านแดนได้ตามหลักมนุษยธรรม

นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวการห้ามส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตว่า รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายห้ามการส่งออกใดๆ ไปยังกัมพูชา โดยการระงับการนำเข้าน้ำมันมาจากฝั่งกัมพูชาเอง ไทยยังคงยึดหลักไม่ให้ประชาชนของทั้งสองประเทศต้องแบกรับภาระจากปัญหาทางการเมืองระหว่างรัฐ

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียของกัมพูชา โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ควรใช้ด้วยความรับผิดชอบ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนไทยไม่แสดงความเห็นที่ยั่วยุ หรือรุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะทางอารมณ์ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไทยยังคงยึดมั่นในกลไกการเจรจาแบบทวิภาคี เพื่อหาทางออกอย่างสันติร่วมกัน

ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวเสริมว่า การปฏิบัติของกองทัพเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาล โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งยังอนุญาตให้มีการเดินทางข้ามแดนในกรณีจำเป็นเร่งด่วน โดยยึดตามหลักมนุษยธรรม และในกรณีที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว รัฐบาลจะใช้กลไกของหน่วยงานที่มีอยู่ เช่น กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น ภาคเอกชน และกระทรวงแรงงาน ในการจัดหางานทดแทน ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะประสานหาตลาดรองรับสินค้าการเกษตรในพื้นที่ชายแดน

ท้ายที่สุด พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวขอบคุณประชาชนที่ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ชายแดน พร้อมเปิดศูนย์ประชาสัมพันธ์ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้บริการข้อมูลและประสานงาน โดยสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Pages “ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา Team Thailand”

หน้าแรก » การเมือง