การเมือง
จับตาย้ายขั้วกลาโหม! "ภูมิธรรม" ปิดห้องคุยผบ.เหล่าทัพ ส่งสัญญาณอำลานิ่มๆ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

รมว.กลาโหม เดินหน้าเซ็นโครงการยุทโธปกรณ์ตามแผน ย้ำไม่ได้ทิ้งทวน แต่ทำเพื่อความต่อเนื่องของกองทัพ ยอมรับการเมืองไม่แน่นอน เตรียมส่งไม้ต่อหากมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) หลังการประชุมสภากลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เชิญผบ. เหล่าทัพแต่ละคนพูดคุยเป็นส่วนตัวที่ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพอากาศ ได้แก่ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาทหารสูงสุด พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมขอบคุณที่ได้งานร่วมกันมา และยืนยันการสนับสนุนโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพที่ค้างอยู่ ซึ่งแม้การปรับครม. ไม่ได้นั่งตำแหน่ง รมว. กลาโหม แต่ก็ยังรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงในภาพรวมอยู่
ต่อมานายภูมิธรรม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ที่กองทัพอากาศ ซึ่งใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยแยกเป็นวงประชุมใหญ่และวงประชุมเล็ก ว่า ไม่ได้เป็นการประชุมวงเล็กแต่เป็นการคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ทีละคน ก็ไม่มีอะไร แต่คงจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเกิดขึ้น จึงขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างดี มีอะไรก็ยังช่วยกันได้อยู่ เพราะตนก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้เป็นอะไร จึงถือโอกาส
ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หากมีการประชุมสภากลาโหมครั้งหน้าเดือนกรกฎาคม ก็อาจจะไม่ได้เจอกัน จึงลากันเผื่อไว้ แต่ถ้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงก็ยังทำงานร่วมกันได้ จึงขอบคุณเหล่าทัพที่ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือการทำงานอย่างดี และขอบคุณทุกท่าน ดีใจที่มีโอกาสมาทำงานที่กระทรวงกลาโหม อะไรที่ยังช่วยได้ถ้ายังอยู่ในรัฐบาลก็ยินดี
เมื่อถามย้ำว่า มีการสั่งลาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้มีการสั่งลาพิเศษ คือการเมืองมันไม่แน่นอน ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนได้เขียนรายละเอียดยืนยันประวัติไปแล้ว อะไรที่เกิดก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น จึงพูดไว้เป็นสองทาง ว่าถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลง ก็ขอบคุณทุกอย่างที่ได้ช่วยเหลือมา ซึ่งการมาทำงานที่นี่ได้เรียนรู้อะไร หลายเรื่อง เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยเข้าใจก็ได้เข้าใจ และเห็นว่ากองทัพทุกเหล่าทำงานเต็มที่ และทุ่มเท ขอให้ทำเต็มที่อย่างนี้ต่อไป เพื่อเกิดประโยชน์กับประเทศ
เมื่อถามว่า เป็นการส่งสัญญาณหรือว่าจะย้ายไปสู่กระทรวงอื่น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณ แต่เป็นการพูดตามปกติที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามย้ำว่า การส่งประวัติคือการย้ายกระทรวงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า "เปล่าครับ ท่านให้กรอกรายละเอียดทุกคน เพราะส่วนใหญ่ก็ยังอยู่เพียงแต่จะอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง และเดี๋ยวนี้มีกระบวนการมากในการตรวจสอบประวัติ ปกติ 2-3 วันก็จบแล้ว ตอนนี้ต้องไปตรวจสอบอีกหลายที่ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องทำงาน จึงอยากให้ทุกอย่างพร้อมเร็ว ทุกคนที่ทำงานมาก็ทำได้หมด"
เมื่อถามว่า ใจหายหรือไม่ เพราะคุมทหารมา อาจจะต้องไปคุม อส. นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ไปถึงขนาดนั้น อย่าถามขนาดนั้น ถึงเวลาที่ต้องจากก็จาก ถ้ายังต้องทำงานอยู่ก็เต็มใจและทำงานด้วยความเต็มใจ
ส่วนโครงการต่างๆของกองทัพที่ยังค้างอยู่ ได้มีการเซ็นทิ้งทวนหรือไม่ นายภูมิธรรม ร้องโอ้โห พร้อมบอกว่า "ฟังคำพูดนี้ดูเหมือนจะทิ้งทวน ผมเป็นคนที่มาและพร้อมที่จะทำงานในสิ่งที่ค้าง แล้วก็ได้ทำมาตลอด อะไรที่ยังค้างอยู่และทำได้ต่อผมทำไป อะไรที่ยังไม่จบ ก็เตรียมสรุปงานและเสนอส่ง ใครที่มาก็จะได้ส่งต่อ และอยากให้ทำต่อยังไง ก็พูดไว้ทั้ง 2 ทาง เพราะยังไม่รู้อนาคต"
เมื่อถามว่ามีโครงการไหนที่เซ็นไปบ้างแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ระหว่างเซ็นเยอะ ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ ตนพูดไปแล้ว ก็จะเอาให้จบ สำหรับโครงการเครื่องบินกริพเพนก็อยู่ในแผนแล้ว แต่จะจบเมื่อไหร่ จบอย่างไร ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนจะจบในสมัยตนหรือให้รัฐมนตรีคนอื่นมาทำต่อ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของตนเร็วเท่าไหร่ หากกลับไปคืนนี้มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ตนก็ไม่ต้องเซ็นอะไร แต่ถ้ายังไม่มี ก็ทำงานต่อ
เมื่อถามย้ำถึงโครงการเรือดำน้ำ จะส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ตามไทม์ไลน์เดิมหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกอย่างมีความพร้อมอยู่แล้ว เหตุผล หลักฐาน และองค์ประกอบพร้อม ตนก็พร้อมเซ็น ตอนนี้ก็รอให้หลักฐานเหมาะสมและเหตุผลที่จะมาสนับสนุนการตัดสินใจพร้อม เพราะตนไม่อยากให้อะไรค้างคา เพราะการปรับยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือก็จะติดค้างอยู่ตรงนี้ อย่างการซื้อเรือมันควรจะเป็นหลายลำ แต่เราก็ต้องบีบไว้ เพราะไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายจะมีเท่าไหร่ ถ้าเราตัดสินใจเดินหน้าต่อ เราก็ยังต้องใช้อะไรอีกหลายๆอย่าง เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องค้างคาถ้าทำได้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์
ส่วนจะทันการปรับ ครม. หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ก็ไม่รู้ว่าจะปรับเมื่อไหร่ แต่ตนพร้อมเซ็น ถ้าหลักฐานส่งขึ้นมาก็พร้อม ซึ่งสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือคำยืนยันต่างๆที่ต้องชัดเจน การตอบก็ต้องเป็นทางการ เพราะตนจะใช้ความเชื่อหรือการได้ยินได้ฟังมาไม่ได้ มันต้องมีหลักฐาน
ประชุมสภากลาโหมสัญจร 5 ผบ.เหล่าทัพร่วมถกปัญหาไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 6/2568 โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการกองบัญชาการกองทัพไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายภูมิธรรม เน้นย้ำในที่ประชุมดังต่อไปนี้ในส่วนของสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดนที่ผ่านมา เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด ครอบคลุมข้อมูลข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงภายในกัมพูชา โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกำลังรบและยุทโธปกรณ์ใกล้แนวชายแดนที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
นอกจากนี้ หน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนจะต้องบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับพื้นที่กับกองกำลังฝ่ายกัมพูชา ภายใต้กลไกสันติวิธีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน
พร้อมทั้งสั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการทูต และติดตามนโยบายต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อเสนอแนะแนวทางการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมต่อไป
ในด้านความมั่นคงภาคสนาม หน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน โดยเฉพาะหน่วยในระดับพื้นที่ ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย เพิ่มการลาดตระเวนและจุดตรวจ พร้อมเน้นย้ำให้กำลังพลมีวินัย ตื่นตัว และเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ โดยต้องหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติ ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยหรือกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงจุดเวรยามอย่างสม่ำเสมอ และให้รายงานผู้บังคับบัญชาโดยเร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจกระทบความมั่นคง
ทั้งนี้ ยังได้สั่งให้ทุกหน่วยยกระดับมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อรับมือการโจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์กัมพูชาโดยเร่งด่วน และให้มีการติดตาม เฝ้าระวัง แลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามกับหน่วยงานพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจ้งเตือนหน่วยที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อตรวจพบภัยคุกคาม
พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้กองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ จัดทำแผนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจนำไปสู่การใช้กำลังทหาร เช่น แผนรับมือผู้หนีภัยจากการสู้รบ แผนรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน แผนช่วยเหลือพลเรือน และแผนการใช้กำลัง โดยเฉพาะหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวไทยในกัมพูชาและการอพยพกลับประเทศ
รวมทั้งแผนเสริมกำลังเมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้น โดยให้เตรียมยุทโธปกรณ์ อาวุธประจำหน่วยและประจำกาย โดยเฉพาะกระสุนและวัตถุระเบิดให้เพียงพอ และพิจารณาปรับแผนงาน/โครงการ และงบประมาณเพื่อซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์และจัดหาสิ่งอุปกรณ์ที่ขาดแคลน
พร้อมทั้งมอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทยเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำรายงานสถานการณ์แบบบูรณาการ เสนอแนวทางการเตรียมกำลังเพื่อตอบสนองสถานการณ์และรักษาเสถียรภาพชายแดนในทุกมิติ พร้อมรายงานสถานการณ์และข้อเสนอแนะต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหมดำเนินการอย่างมีเอกภาพภายใต้กรอบและนโยบายของรัฐบาล โดยยึดแนวทางของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (Team Thailand) ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- "อิ๊งค์" ยกคำสอน "อภัย" ของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ช่วง "ฮุนเซน" แถลงเล็งแฉ "ทักษิณ" 27 มิ.ย. 2568
- ชาวปราจีนฯ ร้องโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมเมืองปราจีนบุรียกเลิกโครงการถนนเวนคืนชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือน และถอดโรงงานลำดับที่ 101 105 และ 106 สร้างได้ในพื้นที่สีเขียว 27 มิ.ย. 2568
- สะพัดโผ ครม.ใหม่เรียบร้อย! นายกฯควบ "รมว.วธ." - "ภูมิธรรม" นั่งมท.1 "บิ๊กเล็ก" คุมกลาโหม 27 มิ.ย. 2568
- รัฐบาลย้ำรายงานของ "แอมนาสตี้" ข้อมูลตรง "UN" แฉซ้ำศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา - "ฮุน เซน" ฉะไทยโยนบาปเขมร 27 มิ.ย. 2568
- กลัฟเท็กซ์มอบถุงมือจับลวดหนามไมโครเท็กซ์ให้ แม่ทัพภาค 2 เสริมความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร 27 มิ.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
กมธ.วุฒิสภาหนุน "กฎหมายข้าว" พลิกโฉมคุณภาพชีวิตชาวนา 21:02 น.
- ฮือฮา! “นายกอุ๊” พาไอศครีมละมุด 100 ปี อยุธยา คว้าแชมป์โลกอันดับ 1 บนเวทีออสก้าร์อาหารโลกที่โปรตุเกส 16:33 น.
- เปิดคำร้อง 36 สว. ขอศาลรธน.สั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่และถอดถอน 16:23 น.
- นายกฯเรียกถกใหญ่ 23 มิ.ย. หน่วยงานความมั่นคง สกัด "คอลเซ็นเตอร์" ฝั่งกัมพูชา 16:18 น.
- ศบ.ทก.ย้ำไทยไม่ผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ 16:02 น.