การเมือง
ประสิทธิภาพการสื่อสารของรัฐบาลไทย ต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการสื่อสารภาครัฐไทยต่อสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงปี พ.ศ. 2568 โดยเฉพาะในประเด็นข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการใช้กำลังทางทหาร รัฐบาลไทยโดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้แสดงท่าทีในการปรับปรุงกระบวนการประชาสัมพันธ์และการทูตเชิงรุก เพื่อสื่อสารกับประชาคมโลกอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะใช้แนวคิดด้านการสื่อสารภาครัฐ (government communication) และการทูตสาธารณะ (public diplomacy) เป็นกรอบวิเคราะห์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรัฐบาลไทยในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในระดับนานาชาติ
1. บทนำ
ปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาสู่ความสนใจของประชาคมโลกอีกครั้ง หลังการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งตามมาด้วยการกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายละเมิดก่อน และใช้กำลังเกินกว่าเหตุ สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยต่อความมั่นคงระดับภูมิภาค หากยังเป็นความท้าทายเชิงภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลไทยจำเป็นต้องตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในมิติของการสื่อสารกับประชาคมโลก
2. กรณีศึกษา: การตอบสนองของรัฐบาลไทย
2.1 คำชี้แจงของนายภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีชัดเจนว่า รัฐบาลไทยมีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้กระทำการที่ละเมิดต่อพลเรือน และเน้นย้ำว่าเป้าหมายทั้งหมดเป็นเป้าหมายทางทหาร ขณะเดียวกันได้ยอมรับว่าอาจต้องปรับกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์ โดยมอบหมายให้ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดน (ศบ.ทก.) ทำงานร่วมกับสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เพื่อดำเนินการสื่อสารอย่างเป็นระบบ
2.2 การดำเนินการด้านการทูต
ไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงต่อประเทศมหาอำนาจ 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และมาเลเซีย พร้อมทั้งเชิญผู้แทนทูตทหารต่างชาติลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเขตชายแดน นับเป็นการตอบสนองเชิงรุกอย่างหนึ่งที่มีศักยภาพในการเสริมความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
2.3 ข้อเสนอจากภาคการเมือง
พรรคประชาชนเสนอแนวทางการทูตเชิงรุก 5 ข้อ ซึ่งประกอบด้วย
การจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์หยุดยิงภายใต้บทบาทนำของไทย
การยืนยันด้วยหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ถึงการละเมิดของกัมพูชา
การเปิดประเด็นอื่นที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของผู้นำกัมพูชา
การตั้งคณะทำงานเพื่อสื่อสารกับสื่อต่างประเทศอย่างเป็นระบบ
การรวมศูนย์ข่าวสารและผู้แทนสื่อสารของรัฐบาลให้เป็นเอกภาพ
3. การวิเคราะห์ตามกรอบแนวคิด
3.1 การสื่อสารภาครัฐ (Government Communication)
การสื่อสารของรัฐบาลต้องอาศัยความรวดเร็ว ชัดเจน และมีความต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้ฝ่ายกัมพูชาเชิญคณะทูตและสื่อมวลชนต่างชาติลงพื้นที่ก่อนโดยที่ฝ่ายไทยยังไม่ทันได้ตอบสนองในระดับสื่อมวลชนโลก อาจสะท้อนถึงความล่าช้าในการวางแผนสื่อสาร และขาดยุทธศาสตร์ล่วงหน้า ทั้งที่สถานการณ์ชายแดนเป็นประเด็นที่อ่อนไหวและต้องการการเตรียมความพร้อมเชิงข่าวสารอย่างรัดกุม
3.2 การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy)
ในยุคปัจจุบัน การชี้แจงข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลประเทศอื่นไม่เพียงพอ หากต้องขยายวงสื่อสารไปยังประชาชนทั่วโลก สื่อมวลชน และองค์กรภาคประชาสังคม การตั้งคณะทำงานเพื่อสื่อสารกับสื่อต่างประเทศตามที่พรรคประชาชนเสนอ จึงสอดคล้องกับแนวคิดการทูตสาธารณะสมัยใหม่ ที่มุ่งสร้างภาพลักษณ์ประเทศผ่านความโปร่งใสและการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง
4. จุดแข็งและจุดอ่อนของการสื่อสารรัฐบาลไทย
จุดแข็ง จุดอ่อน
มีท่าทีชัดเจนต่อข้อกล่าวหา ขาดความต่อเนื่องในการสื่อสาร
เริ่มนำเสนอข้อเท็จจริงผ่านช่องทางสื่อภาครัฐ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามสื่อสารนำหน้า
มีการเชิญคณะทูตทหารลงพื้นที่ ยังไม่มีการสื่อสารผ่านนักวิชาการหรือบุคคลภายนอกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจากหลายมิติ
มีการประท้วงต่อประเทศที่เกี่ยวข้อง ขาดความชัดเจนว่าใครเป็นโฆษกหลักของรัฐบาล
5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
สร้างศูนย์กลางการสื่อสารระดับวิกฤต ภายใต้หน่วยงานที่มีความพร้อมทั้งด้านสารสนเทศ สื่อสารมวลชน และการต่างประเทศ เพื่อรวมศูนย์การสื่อสารในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ
บูรณาการหน่วยงานด้านสื่อสาร เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย NBT และหน่วยข่าวกรอง เพื่อสร้างแนวทางสื่อสารในทิศทางเดียว
อบรมโฆษกรัฐบาลและผู้แทนการทูตในเชิง Crisis Communication เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่กระทบภาพลักษณ์ของประเทศ
จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจด้าน Public Diplomacy ประกอบด้วยนักการทูต นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญสื่อสารระหว่างประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจเชิงรุกในเวทีโลก
ใช้ Soft Power สนับสนุนความน่าเชื่อถือ เช่น การเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์ หรือจัดเวทีสัมมนาระหว่างประเทศเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง
6. บทสรุป
การสื่อสารของรัฐบาลไทยต่อปัญหาชายแดนกับกัมพูชาในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในด้านการยืนยันข้อเท็จจริง และการประท้วงเชิงการทูต แต่ยังขาดความต่อเนื่อง ฉับไว และความเป็นระบบในเชิงกลยุทธ์ การทูตและการข่าวเชิงรุกต้องไม่ใช่เพียงการตอบโต้ข้อกล่าวหา แต่ควรเป็นการวางแผนสื่อสารอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความเข้าใจและความน่าเชื่อถือในเวทีโลก ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- มนุษยธรรมล้น! หญิงกัมพูชาเจ็บท้องใกล้คลอดประสานส่งตัวข้ามแดนทันเวลา 1 ส.ค. 2568
- กองทัพบกนำคณะทูตทหาร-สื่อต่างประเทศลงพื้นที่ศรีสะเกษ พิสูจย์ทหารกัมพูชายิงพลเรือน 1 ส.ค. 2568
- เขากระโดงเป็นของรัฐ! มท.สั่งเพิกถอนโฉนด เริ่มพรุ่งนี้ อธิบดีกรมที่ดินขอย้ายตัวเอง 1 ส.ค. 2568
- เผยคณะทูตเห็นกับตา! กัมพูชาโจมตีพลเรือน – ชื่นชมไทยเปิดเผยข้อเท็จจริงชายแดน 1 ส.ค. 2568
- กองทัพบกพา 34 ทูตต่างประเทศลงพื้นที่แฉยิบเขมรป่าเถื่อน-ผิดกฎหมายสากล 1 ส.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
ทภ.2 ยันกัมพูชายิง BM-21 เข้าพื้นที่ชุมชน 28 ลูก ไม่มีรายงานเสียชีวิต อพยพเฉียดแสน 20:44 น.
- โฆษกรัฐเผยสื่อนานาชาติเข้าใจไทย ยุทธวิธีภารกิจเหยี่ยวเวหา F-16 จำกัดวงเฉพาะพื้นที่ทหาร 20:05 น.
- กัมพูชาระดมกำลังทหารเพิ่ม ทอ.ส่ง F-16 – กริพเพน ทิ้งบอมบ์รอบ 2 ตาควาย 19:34 น.
- "กพท." ยันไทยไม่สะเทือน! กัมพูชา" ประกาศปิดน่านฟ้า เที่ยวบินไทยเดินทางได้ตามปกติ "สนามบินอุบลฯ-บุรีรัมย์" เปิดบริการพร้อมรับเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชม. 18:55 น.
- น้ำใจชาวจันท์ส่งต่อความห่วงใย! พระครูโสภณวุฒิกร มอบ 1 ล้านบาทช่วยผู้ประสบภัยสงคราม – ตั้งโรงครัวเลี้ยง 3 พันชีวิต/มื้อ 18:21 น.