วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568 16:27 น.

การเมือง

"เพื่อไทย" สดุดีทหารกล้า–อาลัยพลเรือน ย้ำชีวิตคนไม่อาจประเมินค่าได้  พรรคพร้อมทำทุกทางเพื่อเยียวยา ยุติความขัดแย้ง และความสูญเสีย

วันอาทิตย์ ที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 11.03 น.

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568   น.ส. ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียด และการปะทะบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน ว่าแม้ขณะนี้สถานการณ์จะคลี่คลายลง จากความพยายามในการเจรจาเพื่อยุติการปะทะของรัฐบาลไทย 

อย่างไรก็ตาม จากการปะทะที่เกิดขึ้น ได้นำไปสู่ความสูญเสีย โดยมีพลเรือน เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย รวมทั้งสิ้น 55 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 15 นาย บาดเจ็บ 196 นาย รวมทั้งสิ้น 211 นาย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568)

“พรรคเพื่อไทยขอสดุดีดวงวิญญาณของทหารกล้าทุกนายที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญเพื่อปกป้องอธิปไตยไทย จากการรุกรานของประเทศกัมพูชา และขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ ทุกชีวิตคือความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นสิ่งเตือนใจให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหยุดยั้งการปะทะโดยเร็วที่สุด” ขัตติยา กล่าว 

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย สส. ของพรรค ได้ไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้า ‘ส.อ.จิรายุส อินทุมาน’ ที่ จังหวัดสิงห์บุรี ผู้เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในเหตุปะทะในสมรภูมิภูยอดมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ 

เป็นตัวแทนให้กำลังใจกับครอบครัวของ ส.อ.จิรายุส  และมอบเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวน 1,000,000 บาท แก่ครอบครัวนอกจากนี้ยังมี สส. ของพรรคไปร่วมแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในอีกหลายพื้นที่ 

ในนามตัวแทนพรรคเพื่อไทย ขอเชิญชวนประชาชน ร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือน ซึ่งจะได้รับการพระราชทานเพลิงศพ อีก 6 ราย ประกอบด้วย นางสาวจุฬารักษ์ ประขัน, เด็กหญิงพิทักษพร ประขัน, เด็กชายพงศ์ภัค ประขัน, เด็กชายศักดิ์สิทธิ์ คำวัง, นางอรุณรัตน์ วันศรี และนางสาวสารศรี อ่อนหรง กลุ่มผู้เสียชีวิตจากการโจมตีข้ามแดนของกัมพูชา ที่เกิดขึ้นบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ในจังหวัดศรีสะเกษ โดยพิธีจะจัดขึ้นในวันนี้ ที่วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง จังหวัดศรีสะเกษ

“ชีวิตของประชาชนคือสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า เราจะไม่ละทิ้งประชาชน และจะทำทุกทางเพื่อนำความขัดแย้งครั้งนี้กลับสู่โต๊ะเจรจา ไม่ให้ความสูญเสียเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และจะไม่ละเลยต่ออธิปไตยของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของชาติไทย” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว 

รัฐบาลเพื่อไทย เดินหน้า ‘ฟื้นฟู–เยียวยา–ป้องกัน’ 2 วิกฤตใหญ่ ชายแดน–น้ำท่วม สั่งหน่วยงานบูรณาการช่วยเหลือเร่งด่วน

ต่อมา ขัตติยา ได้แถลงถึงความคืบหน้าการทำงานของรัฐบาลเพื่อไทยในการดูแลพี่น้องประชาชน ภายใต้ 2 สถานการณ์สำคัญ ได้แก่ วิกฤตความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา และเหตุอุทกภัยในภาคเหนือ หลังพายุโซนร้อนวิภาพัดถล่มช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า 

ส่วนของมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนนั้น ทันทีที่การปะทะเกิดและปรากฏการสูญเสีย รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยดำเนินการผ่าน 5 กองทุนหลัก ได้แก่

1.กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี 
(กรณีเสียชีวิต รายละ 1,000,000 บาท กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท)
2. กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม         
3. เงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
4. เงินเยียวยาจากกระทรวงมหาดไทย (ปภ.)
5. การช่วยเหลือจากหน่วยงานตามสิทธิที่เกี่ยวข้องอื่นๆอาทิ กระทรวงพลังงาน กระทรวงแรงงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ทางกระทรวงการคลังยังได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย 

มาตรการธนาคารของรัฐเพื่อประชาชน-ผู้ประกอบการ
 • พักชำระหนี้ถึงเดือนธันวาคม 2568 
 • สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และรีไฟแนนซ์ เช่น ธนาคารออมสิน ให้วงเงินกู้รายย่อย 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน ผ่อน 12 เดือน
 • ธ.ก.ส ให้สินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย MRR ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน และสินเชื่อฟื้นฟูชีวิต 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR–2% ผ่อนยาว 15 ปี
 • ธอส. ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี 5 ปีแรก และอัตราพิเศษสำหรับกรณีเสียบ้านทั้งหลัง

มาตรการช่วยเหลือของ ธ.ก.ส. สำหรับครอบครัวทหาร/ตชด.

โดย ธ.ก.ส. มีมติอนุมัติชดใช้หนี้ให้กับครอบครัวของทหารและ ตชด. ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายละเอียดสำคัญคือ
 • ยกหนี้เงินต้นกู้ทุกสัญญา
 • ยกหนี้ดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งหมด ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุนจาก ธ.ก.ส.
 • ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ บิดา–มารดา หรือคู่สมรสของผู้เสียชีวิต ที่เป็นลูกค้าธนาคาร

มาตรการช่วย SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย

 • ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) : พักหนี้ ลดค่างวด ขยายระยะชำระ และเปิดสินเชื่อ “SME Power Boost” ดอกเบี้ย 3% ต่อปี
 • บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) : ค้ำประกันสินเชื่อสูงถึง 10 ล้านบาท โดยยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก
 • EXIM Bank: ขยายเวลาชำระหนี้ 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20% และชดเชยวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน
 • ธนาคารอิสลามไทย: พักชำระเงินต้นและกำไรสูงสุด 12 เดือน และสินเชื่อซ่อมบ้านหรือฟื้นธุรกิจในอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เริ่ม 1.99%–3.25%)

ส่วนในกรณีจังหวัดศรีสะเกษ  ในพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจาก กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกในสถานีบริการน้ำมัน ขัตติยา ระบุว่าทางกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งประสานให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบแล้ว โดยได้มีการประสานงานดังนี้ 

 • ธนาคารกรุงไทย ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการลดดอกเบี้ย–ยกเว้นดอกเบี้ยชั่วคราว
 • บริษัท ทิพยประกันภัย และ กรุงเทพประกันภัย อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมตามกรมธรรม์ที่เกี่ยวข้อง
 • กรมธุรกิจพลังงาน และพาณิชย์จังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่ช่างตวงวัดเข้าตรวจสอบระบบหัวจ่ายน้ำมันที่เสียหาย
 • สำนักงานแรงงานจังหวัด แจ้งสิทธิ์การชดเชยให้แก่ลูกจ้างของปั๊มและร้านค้าในพื้นที่เกิดเหตุ
 • ผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้มีการส่งเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือจาก กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครบแล้ว

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ส่งทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการสำรวจ ซ่อมแซม และฟื้นฟูบ้านเรือนและกิจการของประชาชน ที่เสียหายอย่างเร่งด่วน 

และล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยังมีมติชดเชยเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งพรรคจะผลักดัน ติดตามและรายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าในรายละเอียดต่อไป

กรณีน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่านที่ได้รับผลกระทบหนักจาก พายุโซนร้อนวิภา ซึ่งพัดขึ้นฝั่งในช่วงปลายเดือนก.ค.  2568 รองโฆษกพรรคฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบประเมินค่าเสียหายเพื่อออกมาตรการเยียวยาต่อไป 

ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการเยียวยาเบื้องต้นแล้ว โดยได้มอบหมายให้ธนาคารของรัฐทุกแห่ง ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ได้แก่ พักชำระหนี้ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือฟื้นฟูกิจการของเกษตรกรและ SMEs  และได้มีการสั่งการให้กรมธนารักษ์ ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยใน 6 จังหวัดภาคเหนือ 

นอกจากนี้ยังมีการขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม) จำนวน 6 จังหวัด ดังนี้ 1. จ.น่าน 2. จ.เชียงราย 3. จ.พะเยา 4. จ.ลำปาง 5. จ.เชียงใหม่ 6. จ.แพร่

หน้าแรก » การเมือง