วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568 08:24 น.

การเมือง

วิเคราะห์สาเหตุที่กัมพูชาไม่เก็บศพทหาร หลังการเจรจาหยุดยิงกับไทย

วันจันทร์ ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 10.31 น.

บทความนี้มุ่งวิเคราะห์พฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชาหลังการเจรจาหยุดยิงกับประเทศไทย โดยเฉพาะการไม่เข้าดำเนินการเก็บกู้ศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต ณ พื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นเขตพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยทางการเมือง ยุทธศาสตร์ และการสื่อสารเชิงจิตวิทยาในบริบทความขัดแย้งระหว่างรัฐ การวิเคราะห์จะใช้กรอบแนวคิดด้านความมั่นคง มนุษยธรรม และกลยุทธ์การเจรจาเพื่อศึกษาพฤติกรรมและเจตนารมณ์ของฝ่ายกัมพูชาในกรณีนี้

1. บทนำ
ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหารและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น “ภูมะเขือ” เป็นปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สั่งสมมานาน การปะทะกันระหว่างกำลังทหารของทั้งสองประเทศมักเกิดขึ้นเป็นระยะ แม้จะมีความพยายามในการเจรจาหยุดยิง แต่พฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชาในการไม่เข้าดำเนินการเก็บศพทหารของตนเองหลังสงบศึก เป็นประเด็นที่ควรได้รับการวิเคราะห์เชิงลึก เนื่องจากสะท้อนถึงยุทธศาสตร์และเจตนารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในกระบวนการสื่อสารและการรับรู้ของรัฐ

2. กรอบแนวคิดในการวิเคราะห์

2.1 ยุทธศาสตร์จิตวิทยาทางการทหาร
การไม่เก็บศพอาจถูกตีความว่าเป็นความตั้งใจในการสร้างภาพลักษณ์ของ “ความไม่ยอมแพ้” หรือ “ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้” ของกองทัพกัมพูชา รวมทั้งอาจต้องการใช้ภาพศพในพื้นที่พิพาทเป็นเครื่องมือสร้างกระแสความรู้สึกชาตินิยมในประเทศตน

2.2 การเจรจาในภาวะขัดแย้ง (Conflict Negotiation)
ท่าทีเพิกเฉยต่อศพทหารตนเองในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามอาจเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองว่ากัมพูชา “ไม่ยอมรับ” ว่าไทยได้ควบคุมพื้นที่ดังกล่าว หรือเป็นการท้าทายสถานะของข้อตกลงหยุดยิงที่ฝ่ายไทยประกาศ

2.3 มิติด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสงคราม
การไม่ดำเนินการเก็บศพอาจเข้าข่ายการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากลที่กำหนดให้คู่ขัดแย้งต้องดูแลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต แม้ในสถานการณ์สงครามก็ตาม ทั้งนี้อาจชี้ถึงปัญหาในการบังคับใช้หลักมนุษยธรรมในพื้นที่ที่รัฐไม่ยอมรับสถานะของอีกฝ่าย

3. การวิเคราะห์สถานการณ์

3.1 ความลำบากในการเข้าถึงพื้นที่
พื้นที่ภูมะเขืออยู่ในภูมิประเทศสูงชัน ใกล้แนวชายแดนที่มีความเสี่ยงสูงในการเข้าถึงโดยฝ่ายที่เสียเปรียบ การเก็บศพอาจต้องได้รับความร่วมมือจากฝ่ายไทย ซึ่งกัมพูชาอาจมองว่าเป็นการยอมรับอำนาจควบคุมของไทยเหนือพื้นที่ดังกล่าว

3.2 การควบคุมกระแสข้อมูลในประเทศ
การไม่เก็บศพอาจเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมข่าวสาร โดยหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ความสูญเสียในประเทศของตน เพื่อไม่ให้เกิดแรงต้านจากสังคมหรือครอบครัวทหารที่เสียชีวิต

3.3 การใช้ศพเป็นเครื่องมือทางการเมือง
หากฝ่ายกัมพูชาอนุญาตให้ศพของทหารตนถูกค้นพบและเผยแพร่โดยฝ่ายตรงข้าม อาจส่งผลให้ภาพลักษณ์ของตนในเวทีระหว่างประเทศแย่ลง จึงอาจเลือกที่จะละเลยหรือปฏิเสธการมีอยู่ของเหตุการณ์ดังกล่าว

4. ข้อเสนอเชิงนโยบาย

รัฐบาลไทยควรใช้ช่องทางทวิภาคีหรือองค์กรระหว่างประเทศ เช่น กาชาด หรือ UN Peacebuilding Commission เพื่อเสนอการคืนศพในฐานะมนุษยธรรม ไม่ใช่การชี้ขาดดินแดน

ไทยควรรักษาจุดยืนด้านกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเผยแพร่ภาพและข้อมูลอย่างมีจริยธรรม เพื่อให้ประชาคมโลกเห็นถึงพฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชา

ควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประชาชนชายแดนเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามเป็นความเกลียดชังระหว่างคนสองประเทศ

5. สรุป
การที่กัมพูชาไม่เก็บศพทหารของตนหลังเจรจาหยุดยิงกับไทย เป็นพฤติกรรมที่สะท้อนยุทธศาสตร์ทางการเมืองและจิตวิทยา อันสัมพันธ์กับการไม่ยอมรับสถานะของพื้นที่พิพาท และการใช้สงครามข้อมูลเป็นเครื่องมือในการต่อรองระหว่างรัฐ การวิเคราะห์เหตุการณ์เช่นนี้จึงควรเข้าใจในบริบทเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่เพียงมิติของมนุษยธรรมเท่านั้น เพื่อการจัดการความขัดแย้งที่ยั่งยืน
 

หน้าแรก » การเมือง