วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568 16:15 น.

การเมือง

วิเคราะห์สงครามไซเบอร์ไทย-กัมพูชาปมตอบโต้ชายแดน

วันอาทิตย์ ที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 11.46 น.

จากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ลุกลามจนเกิดการปะทะด้วยอาวุธหนัก ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคโดยตรง อย่างไรก็ตาม นอกจากการสู้รบในสนามจริงแล้ว ปรากฏการณ์ “สงครามไซเบอร์” ระหว่างทั้งสองประเทศได้เกิดขึ้นควบคู่ในโลกออนไลน์ อันเป็นผลสะท้อนของการทำสงครามในยุคดิจิทัล บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ลักษณะ กลยุทธ์ และผลกระทบของสงครามไซเบอร์ที่เกิดขึ้น รวมถึงบทบาทของภาครัฐและสื่อมวลชนในการเฝ้าระวังและตอบโต้ภัยไซเบอร์ อ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึกของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และแนวคิดด้านความมั่นคงไซเบอร์ร่วมสมัย

1. บทนำ
โลกในยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนโฉมหน้าของความขัดแย้งระหว่างประเทศ จากการต่อสู้ในสนามรบด้วยกำลังอาวุธ สู่ “สมรภูมิออนไลน์” ที่ใช้ข้อมูล ข่าวสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอาวุธ ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาล่าสุดที่บริเวณชายแดน จึงไม่เพียงเป็นเหตุการณ์ระดับภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามไซเบอร์ที่กำลังขยายตัว

2. ลักษณะของสงครามไซเบอร์ในกรณีไทย-กัมพูชา
2.1 การโจมตีแบบ DDoS

หนึ่งในวิธีการที่ใช้กันแพร่หลายคือการโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS) โดยเป็นการใช้บอตเน็ตจำนวนมากเข้าโจมตีเว็บไซต์ให้ล่ม ซึ่งในกรณีนี้มีเป้าหมายคือเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐไทย เช่น กระทรวงต่าง ๆ และเว็บไซต์ของสื่อมวลชน

2.2 การเจาะข้อมูลบัญชีและรหัสผ่าน
พบว่ามีการนำบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่านของบุคลากรในหน่วยงานไทย รวมถึงสื่อมวลชน ไปใช้ในการเข้าถึงระบบเว็บไซต์ อีเมล และระบบจัดการโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้สามารถแพร่ข่าวปลอมหรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะโจมตีทางการเมือง

2.3 Information Operations (IO)
มีการใช้บัญชีปลอม บอต และเครือข่ายโซเชียลมีเดียในการปั่นกระแส โดยเฉพาะการรายงานเพจของสื่อไทยเพื่อให้ถูกปิด การคอมเมนต์เชิงลบ และการปล่อยข่าวปลอมเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยและสร้างความตื่นตระหนกในสังคม

3. บทวิเคราะห์ทางยุทธศาสตร์ไซเบอร์
3.1 ลักษณะของสงครามไฮบริด (Hybrid Warfare)

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนรูปแบบสงครามยุคใหม่ที่เรียกว่า "สงครามไฮบริด" ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้อาวุธจริงกับการปฏิบัติการข่าวสารและไซเบอร์ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารโดยตรงเท่านั้น

3.2 สงครามไซเบอร์โดยรัฐหรือกลุ่มพลเมือง?
แม้ภาครัฐของกัมพูชาจะไม่ได้ประกาศชัดเจนถึงการมีส่วนร่วม แต่แฮกเกอร์หลายกลุ่มจากกัมพูชากลับเคลมความสำเร็จในการเจาะระบบของไทย โดยอาศัยช่องว่างของข้อมูลที่รั่วไหลในระดับโลก ทั้งนี้ อาจเป็นการดำเนินการของกลุ่ม “ผู้สนับสนุนชาติ” (Hacktivist) ซึ่งมักแฝงตัวภายใต้แนวคิดชาตินิยม

3.3 ผลกระทบทางเศรษฐกิจและความมั่นคง
การโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจนำไปสู่การหยุดชะงักของระบบบริการสาธารณะ ความเสียหายต่อชื่อเสียงของสื่อมวลชน และกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน นอกจากนี้ ยังอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศหากไม่สามารถรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. มาตรการตอบโต้และการเตรียมความพร้อม
4.1 การตั้งวอร์รูม 24 ชั่วโมง

สกมช. ได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับการโจมตี โดยเฉพาะจากการโจมตีแบบ DDoS และการพยายามเข้าถึงระบบของหน่วยงานรัฐ

4.2 การประสานกับสื่อมวลชน
สกมช. ร่วมมือกับสื่อมวลชนไทยในการยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น การตั้งค่าความปลอดภัยเว็บไซต์ การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) และการจัดการบัญชีผู้ใช้ที่มีความเสี่ยง

4.3 การให้บริการตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล
เปิดช่องทางให้หน่วยงานสามารถส่งข้อมูลเพื่อให้ตรวจสอบว่ามีบัญชีหรือรหัสผ่านรั่วไหลหรือไม่ พร้อมคำแนะนำในการจัดการความปลอดภัยเชิงรุก

5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ยกระดับความมั่นคงไซเบอร์ระดับชาติ: ควรเพิ่มงบประมาณด้าน Cybersecurity และส่งเสริมการพัฒนาแพลตฟอร์มและบุคลากรภายในประเทศ

จัดตั้งกลไกร่วมอาเซียน: ใช้บทบาทของอาเซียนในการวางแนวทางความร่วมมือไซเบอร์ระดับภูมิภาค ลดความเสี่ยงจากสงครามไซเบอร์ข้ามชาติ

เสริมสร้างการรู้เท่าทันดิจิทัล: ส่งเสริมการรู้เท่าทันข่าวปลอม การตรวจสอบแหล่งที่มา และการไม่แชร์ข้อมูลที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง

เร่งอุดช่องโหว่ของสื่อและหน่วยงานรัฐ: อัปเดตระบบความปลอดภัยให้เป็นปัจจุบัน ตรวจสอบบัญชีที่รั่วไหล และควบคุมการเข้าถึงระบบอย่างเข้มงวด

6. บทสรุป
สงครามไซเบอร์ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นบทเรียนสำคัญว่าความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการสู้รบทางกายภาพอีกต่อไป ความสามารถในการป้องกันและรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างมีระบบ เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาอธิปไตยของชาติ บทบาทของรัฐ สื่อมวลชน และภาคประชาชนจึงต้องบูรณาการร่วมกันอย่างเร่งด่วน เพื่อยับยั้งการแทรกแซงที่อาจลุกลามและกระทบต่อเสถียรภาพของสังคมไทยในระยะยาว
 

หน้าแรก » การเมือง