วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568 16:15 น.

การเมือง

"นพดล" ชี้การทูตต้องเร็วกว่าเขมร! เสนอ 5 แนวทาง รักษาชอบธรรมไทยในเวทีโลก

วันอาทิตย์ ที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 13.08 น.

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเสนอกรอบยุทธศาสตร์เชิงรุก เดินหน้าพูดคุยเร็ว-แม่นยำ ตอกย้ำไทยไม่ใช่ผู้รุกราน พร้อมเรียกร้องกัมพูชาต้องมี ‘ใจจริง’ หากอยากเจรจาสันติ

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568   นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการหยุดยิง ระหว่างไทยและกัมพูชา ตลอดจนแนวทางการนำสันติภาพกลับมาสู่ชายแดนว่า ภายหลังการหยุดยิง เป้าหมายและยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินไปในการเจรจาเพื่อนำสันติสุขกลับมาบริเวณชายแดนนั้น ตนขอเสนอดังนี้

1. ต้องเน้นการพูดที่กระชับรวดเร็ว Diplomacy of speed โดยเน้นการสื่อสารทางการทูต จุดยืนกฎหมายระหว่างประเทศและท่าทีของไทยให้รวดเร็วมากขึ้น และต้องรวดเร็วและแม่นยำกว่ากัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศมีศักยภาพที่จะทำได้

2. ต้องเน้นยุทธศาสตร์สร้างความชอบธรรมให้ประเทศไทยในเวทีโลกอย่างเข้มข้น เเข็งขันต่อเนื่องเพราะเราเป็นประเทศมหาอำนาจขนาดกลางต้องเน้นกฎหมายระหว่างประเทศและความชอบธรรมเป็นหลังพิง แต่ก่อนอาจมีคำกล่าวว่า Might is right ก็คือพลังอำนาจคือความถูกต้องแต่ปัจจุบันตนคิดว่า  Right is might ความถูกต้องเป็นพลังอำนาจ

3. ทางการทูตต้องตอกย้ำความชอบธรรมของไทยใน 5 ประเด็นอย่างต่อเนื่องคือ 1)ไทยมุ่งแก้ปัญหาโดยสันติวิธีด้วยการเจรจาทวิภาคีตามกรอบเอ็มโอยู 2543 ไม่ประสงค์ที่จะให้มีการยกระดับไปเวทีนานาชาติ แต่กัมพูชาไม่ทำตามข้อผูกพัน 2)กัมพูชาเป็นฝ่ายวางกับระเบิดละเมิดอนุสัญญาออตตาวา 3) กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานไทย ฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติ ไทยเพียงใช้สิทธิป้องกันตนเอง 4)กัมพูชายิงระเบิดใส่เป้าหมายทางพลเรือน เช่นโรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา 5)กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่มาเลเซียจัดขึ้น ซึ่งทั้ง 5 ประเด็นนี้จำเป็นจะต้องตอกย้ำในทุกเวทีอย่างต่อเนื่องให้ประชาคมโลกได้ทราบ 

4. ในการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นเวทีจีบีซีในวันที่ 4 สค หรือเจบีซีในเดือนกันยายนหรือในเวทีอื่นๆก็ตาม ไทยซึ่งมีความสุจริตใจ good faith ในการเจรจาเพื่อระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี ต้องเรียกร้องสิ่งนั้นจากกัมพูชาให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะจะมาที่โต๊ะเจรจาจะต้องพกความจริงใจมาด้วย มิฉะนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะยากขึ้น.              
5. รัฐบาลควรจัดระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพและเอกภาพมากยิ่งขึ้น เปิดใจฟังคำวิจารณ์แล้วปรับปรุงอย่างจริงจัง  จุดสำคัญคือความรวดเร็วและความไม่กระจัดกระจายของการให้ข่าว นอกจากนั้นศูนย์ต่อต้าน Fake News ควรทำงานให้รวดเร็วมากขึ้น              

“ตนเห็นว่า ปัญหาไทย-กัมพูชามีความซับซ้อนและคงต้องใช้เวลาในการแก้ไข ตนเชื่อมั่นในการปกป้องอธิปไตยของกองทัพ ถ้าการทูตไทยสามารถรักษาความชอบธรรมในเวทีโลก เน้นการสื่อสารให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนอย่างทันท่วงที ไม่มี เฟ็คนิวส์ เชื่อว่าปัญหาจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งตนขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่อไป“
 

หน้าแรก » การเมือง