วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568 18:33 น.

การเมือง

 โฆษก ทบ.โต้แรง! ปัดข่าวไทยเตรียมบุกเขมร ซัดกลาโหมกัมพูชาเผยข้อมูลเท็จ

วันอาทิตย์ ที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 20.41 น.

"วินธัย"  โฆษก ทบ. ระบุข่าว "อพยพชาวสุรินทร์เตรียมเปิดศึก" เป็นเท็จ ย้ำไทยไม่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมเตรียมรับมือเหตุไม่คาดฝั่งกัมพูชา

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568    จากกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่ากองทัพไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชาก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิกัมพูชาได้ยกเลิกการเป็นประธานการประชุมวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้(4 ส.ค.) เพื่อเตรียมบัญชาการกองทัพ 24 ชม.นั้น

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้แต่อย่างใด ที่ผ่านมาการนำเสนอข้อมูลของโฆษกกลาโหมกัมพูชาไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม

กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงมีการพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่

ทั้งนี้สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า "รายงานของกระทรวงกลาโหมเมื่อครู่นี้ ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กองทัพไทยอาจใช้กำลังทหารโจมตีกัมพูชาในคืนนี้

"เนื่องจากสถานการณ์เช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถเป็นประธานในการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันพรุ่งนี้ (4 สิงหาคม) ได้ ไม่ว่าจะเกิดการสู้รบขึ้นหรือไม่ก็ตาม เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องบัญชาการกองทัพตลอด 24 ชั่วโมงข้างหน้า"

"การประชุมวุฒิสภาในครั้งนี้ จึงควรดำเนินการภายใต้เกียรติยศของท่านอุช โบริธ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1"

"ข้าพเจ้า ขอแจ้งให้ผู้ที่ส่งคำอวยพรวันเกิดล่วงหน้า (5 สิงหาคม 2025) ได้เข้าใจว่า ข้าพเจ้าอาจไม่สามารถเปิดอ่านข้อความ หรือเปิดแล้วไม่ได้ตอบกลับ เนื่องจากกำลังยุ่งอยู่กับภารกิจด้านสงครามและสันติภาพ ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นตายของชาติ"

นักวิชาการชี้ "ฮุนเซน" ละเมิดรัฐธรรมนูญของกัมพูชาเอง
 
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยตรวจพบรายงานจากสื่อระดับโลก เช่น Reuters ซึ่งเผยแพร่บทความเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอ้างแหล่งข่าวทางการทูต 3 รายว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และประธานวุฒิสภาคนปัจจุบัน ยังคงมีบทบาทโดยตรงในการควบคุมและสั่งการด้านการทหารในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหารอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม

โดยรายงานระบุว่า สมเด็จฯ ฮุนเซนปรากฏตัวในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสวมเครื่องแบบทหาร ประชุมกับผู้นำกองทัพ และเผยแพร่ข้อความที่มีเนื้อหาโจมตีประเทศไทยผ่าน Facebook ส่วนตัว ในขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชายของสมเด็จฯ ฮุนเซน กลับมีบทบาททางการเมืองที่เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด

ขณะเดียวกัน นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ของไทย โดยรองศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยว่า พฤติกรรมของสมเด็จฯ ฮุนเซนในช่วงวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา อาจเข้าข่ายละเมิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรกัมพูชา พ.ศ. 2536 โดยเฉพาะ มาตรา 2 และมาตรา 53 ซึ่งระบุหลักการสำคัญว่า:

กัมพูชาต้องไม่รุกรานประเทศอื่น และไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ทั้งทางตรงและทางอ้อม

กัมพูชาต้องแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยสันติวิธี และดำรงความเป็นกลางอย่างถาวร

กัมพูชาห้ามเข้าร่วมพันธมิตรทางทหารที่ขัดต่อหลักความเป็นกลาง

กัมพูชาต้องไม่อนุญาตให้มีฐานทัพต่างชาติในประเทศ และห้ามมีฐานทัพของตนเองในต่างแดน เว้นแต่ในกรอบคำร้องของสหประชาชาติ

กัมพูชาต้องยึดแผนที่มาตราส่วน 1:100,000 ที่จัดทำระหว่างปี ค.ศ. 1933-1953 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ได้รับการรับรองในเวทีระหว่างประเทศช่วงปี ค.ศ. 1963-1969 ในการนิยามเขตแดน ไม่ใช่แผนที่ขนาด 1:200,000 ที่กล่าวอ้างในปัจจุบัน

นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ปริญญาฯ ยังชี้ว่า การกระทำของสมเด็จฯ ฮุนเซนและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ละเมิดทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ (เช่น การโจมตีพลเรือน การยิงจรวดใส่โรงพยาบาล และการฝังกับระเบิดในพื้นที่ สำคัญทางศาสนาและโบราณสถาณ) และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญของกัมพูชาเองอย่างชัดเจน โดยการสั่งการให้รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน และการอ้างแผนที่ผิดฉบับจากที่กฎหมายกำหนด

นายจิรายุกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาคมโลกจับตาการใช้อำนาจที่อยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญของกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการที่ผู้นำซึ่งพ้นวาระไปแล้ว ยังคงมีอิทธิพลเหนือกองทัพ และสั่งการปฏิบัติการทางทหาร อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียนอย่างรุนแรง

"รัฐบาลไทยยืนยันว่า ประเทศไทยมีจุดยืนชัดเจนในการยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และเคารพอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียน และสื่อมวลชนระหว่างประเทศ ร่วมกันตรวจสอบบทบาทของบุคคลที่อยู่นอกโครงสร้างบริหารของกัมพูชา แต่ยังมีอิทธิพลในเชิงปฏิบัติที่อาจละเมิดกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งอาจเป็นอาชญากรสงคราม" นายจิรายุ ระบุ
 

หน้าแรก » การเมือง