วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:26 น.

การเมือง

"ณพลเดช" วอน "ครม." ผ่านร่างมาตรการ "สคทช." เรื่อง "การพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ" 

วันจันทร์ ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 19.23 น.

ที่ปรึกษากรรมาธิการศาสนา วอนรัฐเร่งปลดล็อกปัญหาที่ดินวัดที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิชัดเจน ชี้มาตรการใหม่จะสร้างความเป็นธรรม ลดข้อพิพาท และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568  ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยวาระสำคัญคือการเสนอร่างมาตรการแก้ไขปัญหาการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ เสนอ ครม. ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ค้างคามานานและมีความซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการที่ดินของประเทศอย่างมาก

ผมเองเคยเห็นปัญหานี้สะสมมานาน ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่ชัดเจนของหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน ทั้งกรมศิลปากร กรมการศาสนา กรมที่ดิน รวมถึงขาดแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้หลายวัดที่มีการครอบครองที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นที่ดินของรัฐ กลับไม่มีเอกสารหลักฐานที่สมบูรณ์พอจะพิสูจน์สิทธิได้ หรือบางกรณีก็ไม่มีหลักฐานเลย นำไปสู่ความล่าช้า ความไม่แน่นอน และบางครั้งถึงขั้นเกิดข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ จนวัดไม่สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกรรมทางศาสนาและสาธารณประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

สิ่งที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพยายามผลักดันในครั้งนี้ คือการสร้างความชัดเจนให้กับกระบวนการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัด โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น การตรวจสอบโฉนด หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงถึงสิทธิของวัด นอกจากนี้ยังจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับพื้นที่ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพิจารณาเป็นธรรมและรอบด้าน กระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่การยื่นคำขอ ตรวจสอบหลักฐาน สำรวจพื้นที่ ประเมินผลกระทบ จนถึงการออกหนังสือรับรองสิทธิ จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด และมีการจัดทำฐานข้อมูลที่ดินวัดในเขตที่ดินของรัฐให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันด้วย

มาตรการนี้ไม่ได้หยุดแค่เรื่องสิทธิในที่ดิน แต่วัดที่ได้รับการพิสูจน์สิทธิแล้วยังมีภาระหน้าที่ในการอนุรักษ์และดูแลมรดกทางศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ของตนเองด้วย ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยให้วัดสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้เต็มศักยภาพ ทั้งในด้านศาสนา การศึกษา การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการเป็นศูนย์กลางของชุมชน ส่งเสริมการฟื้นฟูจิตใจ สร้างคนดี และลดปัญหาอาชญากรรมในระยะยาว

ในมุมมองทางกฎหมาย ผมเห็นว่าการออกมาตรการนี้จะช่วยสร้างความชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรมในกระบวนการพิสูจน์สิทธิ ลดข้อพิพาทและปัญหาซ้ำซ้อนทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิที่ดินวัด อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องมรดกทางศิลปวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาวัด การพัฒนาศีลธรรมให้กับประชาชน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน การพัฒนาคนให้เป็นคน ผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการผ่านร่างมาตรการนี้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง สร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และปลดล็อกศักยภาพวัดไทยให้เป็นศูนย์กลางคุณธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในอนาคต 

หน้าแรก » การเมือง