เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568   ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (General Border Committee: GBC) วันแรก ตัวแทนฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นด้านมนุษยธรรมขึ้นหารืออย่างจริงจัง โดย พล.อ.ณัฐพล นาควานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงจุดยืนต่อรัฐบาลกัมพูชา เรียกร้องให้ดำเนินการเก็บร่างทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ

ฝ่ายไทยย้ำว่า การปล่อยให้ร่างผู้เสียชีวิตเน่าเปื่อยในป่า ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม และอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสาธารณสุข ความไม่สบายใจต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย อีกทั้งสะท้อนถึงความไม่เหมาะสมในบริบทของโลกยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน

ฝ่ายไทยยังเน้นว่า แม้ในสถานการณ์ความตึงเครียด ไทยยังดูแลเชลยศึกตามหลักสิทธิมนุษยชน และให้เกียรติผู้เสียชีวิตทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อทหารของตนเองเช่นกัน

จากการหารือ ฝ่ายกัมพูชาได้แสดงท่าทีตอบรับต่อข้อเสนอของฝ่ายไทย โดย ประกาศว่าจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการเก็บร่างทหารที่เสียชีวิตกลับประเทศโดยเร็ว

การหารือสะท้อนบทบาทไทยในการผลักดันหลักมนุษยธรรมในเวทีทวิภาคี
การหยิบยกประเด็นด้านมนุษยธรรมของฝ่ายไทยในเวที GBC ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เน้นความสำคัญของการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ยังแสดงถึงท่าทีที่สร้างสรรค์บนเวทีความร่วมมือระดับทวิภาคี

ฝ่ายไทยยืนยันว่าพร้อมดำเนินบทบาทในเชิงสร้างสันติภาพ ลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน และเดินหน้าสานต่อการหารือกับกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติภายใต้กรอบของความเข้าใจและความเป็นมิตรระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

นายไพศาล พืชมงคล มองว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC วันแรกว่า "ฝ่ายไทย" ได้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อประเด็น "ด้านมนุษยธรรม" จึงทำให้คำกล่าวของไทยในที่ประชุมครั้งนี้เปรียบเสมือน "กระบี่เดียวทะลุอกฮ่วยเซ็ง" เพราะตรงไปตรงมา ทิ่มแทงความจริงที่ฝ่ายเขมรไม่อาจโต้แย้งได้

ในที่สุด รัฐบาลเขมร ก็ต้อง "จำนนต่อเหตุผลและยอมรับความอับอาย" จำใจประกาศว่าจะส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บศพกลับประเทศ

การกระทำของฝ่ายไทยครั้งนี้จึงไม่ได้แค่ชนะเชิงการทูต แต่ยังสะท้อนให้ประชาคมโลกเห็นถึงความมีศีลธรรม มีเมตตาธรรมและให้เกียรติความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง นี่แหละคือกระบี่ที่เข้าตาชาวบ้าน