วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568 10:43 น.

การเมือง

"ภูมิธรรม" ส่งประชาชนกลับบ้านหลังหยุดยิงไทย-กัมพูชา ย้ำทุกข์ของประชาชนคือภารกิจอันดับหนึ่งของรัฐบาล พร้อมมาตรการเยียวยาครบวงจร

วันเสาร์ ที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 12.17 น.

เวลา 09.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง, ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์, นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมายังศูนย์พักพิงชั่วคราว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพ และร่วมส่งประชาชนผู้อพยพเดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

การเดินทางกลับครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย–กัมพูชาบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการหารือระดับสูงเพื่อสร้างกลไกควบคุมสถานการณ์ชายแดนให้ยุติความตึงเครียด และป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะซ้ำ โดยศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้ประกาศตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2568 ให้ประชาชนที่เคยอยู่ในพื้นที่เรดโซนสามารถทยอยเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

สำหรับพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับในระยะแรก ครอบคลุม 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ หน่วยงานภาครัฐทุกระดับ ทั้งกระทรวงมหาดไทย คมนาคม กลาโหม สาธารณสุข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การต่างประเทศ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมด้านยานพาหนะ เส้นทางขนส่ง จุดพักระหว่างทาง และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับด้วยความปลอดภัยสูงสุด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและดูแลตั้งแต่ศูนย์พักพิงไปจนถึงพื้นที่ปลายทาง

นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลและคณะผู้ปฏิบัติภารกิจทุกส่วนตระหนักถึงความยากลำบากที่พี่น้องประชาชนเผชิญ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดของประชาชนเอง แต่เป็นผลจากสถานการณ์ภัยนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน “ทุกข์ของพี่น้องประชาชนคือทุกข์อันดับหนึ่งที่รัฐบาลต้องดูแล” พร้อมย้ำว่าขณะที่กองทัพทำหน้าที่ปกป้องดินแดนแนวหน้า หน่วยงานในพื้นที่ส่วนหลังก็ต้องดูแลครอบครัว ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีที่สุด

เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ รัฐบาลได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาสมัคร (อส.) เฝ้าระวังและดูแลบ้านเรือนในช่วงที่เจ้าของบ้านต้องอพยพออกนอกพื้นที่ และเมื่อถึงเวลาที่สามารถกลับบ้านได้ หน่วยงานท้องถิ่นและ อปท. ทั้งหมดจะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของที่อยู่อาศัย หากพบว่าบ้านเรือนได้รับความเสียหายรุนแรง รัฐบาลจะจัดหาที่พักชั่วคราวและเร่งซ่อมแซมทันที โดยระดมสรรพกำลังจากทหารช่าง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถาบันการศึกษาในสายอาชีวะ และเครือข่ายอาสาสมัคร

นอกจากนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว นายภูมิธรรมได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพื่อเร่งดำเนินมาตรการเยียวยาและการจ่ายเงินชดเชย พร้อมทั้งสั่งเพิ่มวงเงินในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน 7 จังหวัด (อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด) จาก 20 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท เพื่อให้สามารถใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างเพียงพอและทันท่วงที

ด้านมาตรการเยียวยา กรมบัญชีกลางได้อนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย ครอบคลุม 3 ประเด็นสำคัญ คือ

1. ปรับเพิ่มเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรุนแรง – เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ ที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท (จากเดิม 1 ล้านบาท) ประชาชนเสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท / กรณีบาดเจ็บรุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐ รายละ 500,000 บาท ประชาชน รายละ 400,000 บาท

2. ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยฉุกเฉิน – 7 จังหวัดชายแดน เพิ่มจากจังหวัดละ 20 ล้านบาท เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท

3. อนุมัติให้ปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์การใช้จ่าย พ.ร.บ. 2563 – ใช้จ่ายได้ทั้งค่าอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย, ค่าใช้จ่ายศูนย์พักพิงชั่วคราว, การปรับปรุงสถานที่, จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

นายภูมิธรรม ยังได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดรถโดยสารและยานพาหนะสนับสนุนการเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนเป็นภารกิจเร่งด่วนอันดับแรก และได้มอบหมายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาคพิจารณามาตรการบรรเทาค่าน้ำและค่าไฟสำหรับประชาชนในพื้นที่ประสบภัย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงฟื้นฟู

“ทั้งหมดนี้คือความห่วงใยที่รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนมอบให้ เพื่อให้พี่น้องได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย มีความพร้อมในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ และกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด” นายภูมิธรรมย้ำปิดท้าย
 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง