วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568 09:50 น.

การเมือง

ทบ.ชี้เขมรใช้ทุ่นระเบิดโจมตีไทย ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-ไร้เกียรติชายชาติทหาร

วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 09.56 น.

โฆษกกองทัพบกเผยเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ในพื้นที่ชายแดน เป็นการโจมตีโดยตรงจากกัมพูชา แฝงเจตนาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและไร้ความจริงใจแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี 

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 68 กำลังพลของฝ่ายไทยได้ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดชนิด PMN-2 บริเวณรอยต่อโดนเอาว์–กฤษณา บนเส้นทาง ที่ฝ่ายไทยใช้ในการส่งกำลังบำรุงอยู่เป็นประจำ ซึ่งในอดีตหลายพื้นที่เคยมีการตรวจสอบความปลอดภัยจากหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (นปท.) ของ บก.ทท. ไปแล้ว

ทั้งนี้ เชื่อว่าฝ่าย กพช. ได้ลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดทางทิศเหนือของจุดประสานงานฐานฯ กฤษณา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูมะเขือ และในหลายพื้นที่ตั้งแต่เกิดความตึงเครียดที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68

สำหรับทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ดังกล่าว ได้ถูกฝ่ายไทยตรวจพบครั้งแรกในพื้นที่พลาญหินแปดก้อน ห่างจากบริเวณนี้ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 5 กม. จากนั้นได้เกิดเหตุการณ์ ที่กำลังพลฝ่ายไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิดเดียวกันนี้ในพื้นที่ช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย และล่าสุดบริเวณโดนเอาว์–กฤษณา ตามลำดับ

ก่อนเกิดเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดครั้งล่าสุด พบว่าในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏภาพทหารกัมพูชาถือพวงทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวนมากอยู่บริเวณด้านหน้าปราสาทตาควาย รวมถึงเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 ฝ่ายไทยยังได้ตรวจพบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 เพิ่มเติมในพื้นที่ภูมะเขืออีกจำนวน 18 ทุ่น โดยเป็นสภาพพร้อมใช้งานจำนวน 2 ทุ่น และบรรจุอยู่ในกระสอบจำนวน 16 ทุ่น

สิ่งที่เกิดขึ้นจากฝ่ายกัมพูชาดังกล่าวไม่แตกต่างจากการใช้อาวุธโจมตีต่อฝ่ายไทยโดยตรง และเป็นการแสดงออกถึงความไม่ซื่อตรงในการต่อสู้ในแบบสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ถือเป็นการต่อสู้ด้วยวิธีที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และเป็นการตั้งใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างจงใจ

ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชามักปฏิเสธสิ่งที่ได้กระทำ แม้มีหลักฐานข้อพิสูจน์ที่ประจักษ์ แต่ก็ไม่เคยยอมรับว่ามีการใช้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา รวมถึงแม้แต่ในวงเจรจาก็ไม่ยอมให้มีข้อความหรือส่วนหนึ่งส่วนใดที่จะป้องกันปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในข้อตกลงร่วมกัน

ท่าทีดังกล่าวอาจทำให้ผู้คนในสังคมทั้งในระดับประเทศและสังคมโลกเข้าใจได้ว่า กัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีอย่างแท้จริง สิ่งที่เป็นอยู่อาจเป็นเพียงการสร้างภาพลวงต่อสายตาชาวโลก

โต้ "มาลี" อ้างไทยยิงถล่มบ้านเรือน ชี้กระสุนกัมพูชาตกที่พลเรือนไทยเป็น 100 จุด
 
พล.ต.วินธัย ระบุถึงกรณี พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงถึงการลงพื้นที่ของคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชาจาก 9 ประเทศ สำรวจความเสียหายในหมู่บ้านทมาดอน ตำบลโคกมอน อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งจากการทิ้งระเบิด MK-84 และการยิงถล่มบ้านเรือน โรงเรียน และสถานีอนามัยโดยกองทัพไทย ว่า การเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามมติที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงของฝ่ายกัมพูชา

โฆษกกองทัพบก ย้ำว่า ทหารไทยยึดมั่นต่อการใช้อาวุธต่อเป้าหมายทางทหารตามหลักสากลเท่านั้น และยืนยันว่าการใช้อาวุธของฝ่ายไทยมีประสิทธิภาพ สามารถจำกัดวงการทำลายอยู่ในพื้นที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น ไม่เหมือนฝ่ายกัมพูชาที่มุ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทยที่อยู่นอกขอบเขตพื้นที่การรบ โดยในหลายจุดมีระยะห่างจากพื้นที่การรบไกลมากถึง 30 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถนับจุดที่มีกระสุนจากฝ่ายกัมพูชามาตกในพื้นที่พลเรือนรวมกันเป็น 100 จุด มีทั้งระเบิดไปแล้ว และที่ยังไม่ระเบิดอีกจำนวนมาก โดยฝ่ายไทยจัดทำเป็นบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้วอย่างละเอียด

“ฝ่ายกัมพูชามิอาจปฏิเสธความจริง และมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และถือเป็นการมุ่งโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือนอย่างจงใจ”

ส่วนกรณีที่กัมพูชาพาคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชาจาก 9 ประเทศ ลงสำรวจพื้นที่บริเวณวัดตาเมือนแซนเจย ตำบลโคกมอน อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ที่มีปรากฏร่องรอยความเสียหายตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงนั้น ขอย้ำว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เป้าหมายทางทหารซึ่งอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีระยะห่างจากแนวชายแดนเพียง 1.8 กิโลเมตร ไม่ใช่ลึกเข้าไปยังพื้นที่ตอนในไกลถึง 20-30 กิโลเมตร แบบที่ฝ่ายกัมพูชากระทำต่อฝ่ายไทย

อีกทั้งพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในขอบเขตของพื้นที่การสู้รบ และในห้วงที่มีการสู้รบพื้นที่ดังกล่าวไม่มีบุคคลพลเรือนอยู่อาศัย มีเพียงทหารฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นพื้นที่รวมพลเพื่อเตรียมการนำกำลังเข้าตีฝ่ายทหารไทย รวมถึงใช้เป็นที่ตั้งในการควบคุมบังคับบัญชาการรบ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นเป้าหมายทางทหารของฝ่ายไทยที่อยู่ในขอบเขตบริเวณของพื้นที่การรบในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ตัวเลขพลเรือนที่มีบาดเจ็บและสูญเสียในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวตามที่มีการกล่าวอ้างถึงนั้นจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง หากมีการบาดเจ็บและสูญเสียจะมีเพียงทหารฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น

บก.ทัพไทย เผยเก็บกู้ "จรวด-ระเบิด-กระสุนปืนใหญ่" ที่เขมรโจมตีไทย 384 รายการ พบจรวด BM-21 เพียบ

กองบัญชาการกองทัพไทย รายงานว่า ระหว่าง 1-9 ส.ค. 68 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) 15 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) สนับสนุนกองกำลังสุรนารีและตำรวจภูธรภาค 3 เก็บกู้สรรพาวุธจากการโจมตีของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด รวม 384 รายการ

ประกอบด้วย จรวด BM-21, กระสุนปืนใหญ่, ลูกระเบิด ค. และ วัตถุระเบิดชนิดอื่น ได้แก่

1.จังหวัดบุรีรัมย์ 80 รายการ (BM-21 จำนวน 28 นัด, ลูกปืนใหญ่ 31 นัด, ลูก ค. 18 นัด, วัตถุระเบิดอื่น 10 รายการ)

2.จังหวัดสุรินทร์ 218 รายการ (BM-21 จำนวน 189 นัด, ลูกปืนใหญ่ 3 นัด, ลูก ค. 28 นัด, วัตถุระเบิดอื่น 10 รายการ)

3.จังหวัดศรีสะเกษ 70 รายการ (BM-21 จำนวน 30 นัด, ลูกปืนใหญ่ 45 นัด)

4.จังหวัดอุบลราชธานี 16 รายการ (BM-21 จำนวน 16 นัด)
 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง