ชายแดนไทย–กัมพูชาคลี่คลาย ทัพภาค 2 เก็บกู้ระเบิดตกค้าง ประชาชนเริ่มกลับบ้าน  รองแม่ทัพภาค 2 ตรวจ "ช่องอานม้า" สยบข่าวลือกัมพูชาระดมทหารนับหมื่น ขณะที่กัมพูชากล่าวหาไทยละเมิดหยุดยิง ปมปราสาทตาควาย–ตาเมือนธม  

วันที่ 11 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 10 สิงหาคม จนถึงเช้าวันนี้ พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาใน 7 จังหวัด ไม่มีเหตุปะทะหรือความรุนแรงเพิ่มเติม โดยสถานการณ์หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) มีแนวโน้มคลี่คลายลงต่อเนื่อง หลายพื้นที่ปลอดภัยเพียงพอให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาภายใต้การดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ยังมีบางจุดพบวัตถุระเบิดและสิ่งต้องสงสัยตกค้าง เจ้าหน้าที่กองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างการตรวจสอบและเก็บกู้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด พร้อมขอให้ประชาชนที่พบพื้นที่เสี่ยงหรือวัตถุต้องสงสัย แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจหมายเลข 191 เพื่อประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าดำเนินการทันที

นายจิรายุ ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญทั้งการรักษาความสงบและฟื้นฟูพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

"ช่องอานม้า" สถานการณ์ปกติ
พลตรีวีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจสอบช่องอานม้า หลังมีข่าวลือเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวผิดปกติในฝั่งกัมพูชา โดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจติดตามความมั่นคงชายแดนและตรวจสอบร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ฝั่งกัมพูชามีการระดมกำลังพลนับหมื่นที่ช่องอานม้า ทำให้รองแม่ทัพภาคที่ 2 ต้องลงพื้นที่ยืนยันข้อเท็จจริงด้วยตนเอง

กัมพูชาแถลงกล่าวหาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
ด้านพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงกล่าวหา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างการประชุมพิเศษ GBC โดยระบุว่ามีการยึดปราสาทตาควายและประกาศปิดปราสาทตาเมือนธม ซึ่งกัมพูชาถือว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของตน

กัมพูชามองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามบุกรุกอธิปไตยและขัดต่อข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 รวมถึงจิตวิญญาณของการประชุม GBC วิสามัญที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายงดเคลื่อนย้ายกำลังหรือออกลาดตระเวนเกินจุดปัจจุบัน

กัมพูชาย้ำความตั้งใจยึดหลักสันติภาพ และเรียกร้องให้ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจัง พร้อมขอให้นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรที่มีบทบาทผลักดันการหยุดยิง กดดันให้ไทยเคารพข้อตกลงทั้งในวาจาและการกระทำ รวมถึงรื้อถอนรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ที่กัมพูชาถือว่าเป็นดินแดนอธิปไตย

โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาสรุปว่า สถานการณ์ชายแดนโดยรวมสงบ จึงควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจกระทบต่อสันติภาพ ความมั่นคง และความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งชาวไทย ชาวกัมพูชา และประชาคมโลกต่างต้องการเห็น