วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568 15:57 น.

การเมือง

ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาดอีกแล้ว! ขณะลาดตระเวนใกล้ปราสาทตาเมือนธม - กห.แจงปมวิจารณ์ พล.อ.ณัฐพลใช้ GBC ป้องผู้นำกัมพูชา  

วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 10.11 น.

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพจ "ทีมโฆษกกองทัพบก"  โพสต์ข้อความว่า "เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. กองทัพบกได้รับรายงานว่า หน่วยทหารพรานร้อย.ทพ.2610 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขา 1 นาย ขณะนี้ได้ลำเลียงส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแล้ว รายละเอียดอื่นๆ จะรายงานให้ทราบต่อไป" 

ทางด้านพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันทหารเหยียบกับระเบิด 1 นายบริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นหัวหน้าชุด เป็นหน่วยทหารพรานร้อย.ทพ.2610 จากรายงานระบุว่าบาดเจ็บสาหัสขาซ้ายขาด ยอมรับว่ากองทัพภาคที่ 2 กังวลเนื่องจากบริเวณตรงนี้เราป้องกันตัวเองแทบไม่ได้ 

หลังจากนี้กองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 มองว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เรื่องนี้ถูกเอาไปพูดถึงในเวที GBC ครั้งที่ผ่านมา แต่ทางฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมรับ ซึ่งเป็นทาทีที่ดูไม่ดี นอกจากนี้เขายังยืนยันว่าไม่ได้ใช้ระเบิด เป็นของเก่า ซึ่งจากการฟังดูในมุมของ พล.ต.วินธัย เผยว่าประเด็นนี้เลอะเทอะ และเป็นเรื่องที่ทำให้กัมพูชาดูแย่มากในฐานะผู้ปฏิบัติ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในบรรทัดฐานทหารมืออาชีพ

ยืนยันว่ากับระเบิดบริเวณปราสาทตาเมือนธมนั้นเป็นระเบิดใหม่ทั้งหมด จะอ้างว่าเป็นผลพวงจากสงครามในอดีตไม่ได้ ไม่ใช้รุ่นนี้ เพราะเราเคยทำการเก็บกู้โดยคีแมกที่ผ่านมา 1,000 กว่าลูกยันไม่มีรุ่นนี้  

ส่วนประเด็นเรื่องการเป็นรัฐต่อรัฐ และมาตรการในการเขียนหนังสือไปฟ้องศาลอาญาระดับโลก ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนี้เข้าข่ายอาชญากรสงครามหรือไม่? เปิดเผยว่าประเด็นตอบยากเนื่องจากกลไกแต่ละช่องทางแตกต่างกัน แต่ในทุกช่องทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ดำเนินการอยู่ ส่วนเราเองก็ดำเนินการผ่านทูตทหาร ซึ่งทำอยู่ทุกทาง

ส่วนวงประชุม RBC ที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องทุ่นระเบิด และการปรับกำลังแน่นอน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของหน่วยปฏิบัติ ส่วนมาตรการระยะสั้นในการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องทหารคือการเพิ่มความระมัดระวัง และใช้เครื่องจักรกรุยทางช่วย และต้องปรับไปตามสถานการณ์

 กลาโหมแจงปมวิจารณ์ พล.อ.ณัฐพลใช้ GBC ป้องผู้นำกัมพูชา  

พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า ตามที่มีการเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ "พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ผอ.ศบ.ทก.)

ภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนบิดเบือน ไม่ครบถ้วน ไม่ตรงกับความเป็นจริง พร้อมการตีความโดยสอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล อันสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากเจตนารมณ์ของถ้อยแถลงต่อสาธารณชนในวงกว้าง

โดยอาจนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งกันเองของชนในชาติ และกระทบต่อเสถียรภาพในการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวมได้ นั้น จึงขอทำความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม ดังนี้

1. พล.อ.ณัฐพล ยึดมั่นในแนวทางการคลี่คลายปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา โดยสันติวิธี ด้วยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้วมาโดยตลอด พร้อมทั้งยึดมั่นในหลักการสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ

2. พล.อ.ณัฐพล เน้นย้ำและเรียกร้องความจริงใจจากผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ผ่านการแถลงข่าว ความว่า

"…นับตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดี พบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดการหยุดยิงหลังเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งฝ่ายไทยได้ใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุด และตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น

แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนมีความสงบ แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ ยังมีการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาสอดแนมในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ยั่วยุ และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข่าวเท็จต่าง ๆ ซึ่งไม่สร้างสรรค์ และไม่ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจาและการฟื้นฟูความไว้วางใจ…"

อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกันในการประชุม GBC ครั้งนี้ ซึ่งเป็นการหารือในระดับกระทรวงกลาโหมไทย-กัมพูชา ทำให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเพิ่มเติม ตามที่ปรากฏในคำแถลงข่าวต่อมาว่า

"…จากการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบาย (กระทรวงกลาโหม) ได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ การกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเป็นการดำเนินการโดยพลการของหน่วยงาน (ทหารกัมพูชา) ในพื้นที่…"

ซึ่งไม่มีข้อความใด ที่เป็นการตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยของหน่วยทหารไทย ตามหลักการสากลในการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม อย่างได้สัดส่วน ตามที่ถูกบิดเบือน แต่อย่างใด

พล.ร.ต. สุรสันต์ ย้ำว่า ในการแถลงข่าวดังกล่าว เป็นการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ไปสู่ประชาคมโลก บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยพลเอก ณัฐพล ได้ปกป้องศักดิ์ศรีของคนไทยและสะท้อนความจริงใจต่อข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายไทยอย่างเต็มที่ โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือและการพูดคุยอย่างสุจริตใจ-จริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน

พร้อมทั้งขอความร่วมมือไปยังฝ่ายกัมพูชาใน 2 ประเด็นสำคัญ ที่ยังไม่ได้ตอบรับ คือ

(1) การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะและพื้นที่อื่น ๆ ตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย

(2) ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญกรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์หรือออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอย่างกว้างขวางอีกด้วย

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากการเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัว และการตีความที่เกินความเป็นจริงว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ จะเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง หรือเป็นการปกป้องผู้นำระดับสูงของกัมพูชา จากการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา (เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล) และอนุสัญญาเจนีวา (เรื่องการกระทำต่อเป้าหมายพลเรือนและละเมิดหลักมนุษยธรรม) นั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากคำแถลงข่าวนั้นไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงที่ปรากฏได้

นอกจากนี้ที่ผ่านมาฝ่ายไทยก็ได้มีการเก็บรวบรวมหลักฐานในทุกกิจกรรม ที่เป็นการละเมิดหลักการสากลอย่างต่อเนื่อง และได้ดำเนินการประท้วง-ส่งคำร้อง-ชี้แจงข้อเท็จจริง ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้แก่

(1) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC)

(2) ประธานอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) รวมทั้งประเทศผู้บริจาค เพื่อสนับสนุนกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และ

(3) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO)

ตลอดจนการบรรยายสรุปต่อเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนจาก 75 ประเทศ 1 องค์กร (สหภาพยุโรป) และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ จาก 16 องค์การ รวมจำนวน 122 คน (เมื่อ 4 สิงหาคม 2568) เป็นต้น

 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง