วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:43 น.

การเมือง

“ครูปรีดา” หนุนปฏิรูปการศึกษา ชี้ พ.ร.บ.2542 ล้าสมัย ไม่สอดรับโลกยุคไร้พรมแดน ดัน “นฤมล” เดินหน้าร่างกฎหมายใหม่

วันพฤหัสบดี ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 15.23 น.

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายปรีดา บุญเพลิง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงการจัดการศึกษาไทยว่า แม้ประเทศไทยจะมีการจัดการศึกษาในระบบสมัยใหม่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2435 รวมกว่า 133 ปี และมีการปฏิรูปสำคัญโดยการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แต่กฎหมายดังกล่าวที่ใช้มานานกว่า 26 ปีไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคไร้พรมแดน

นายปรีดา ระบุว่า พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แม้มีการแก้ไขปรับปรุงหลายครั้ง แต่ยังไม่ตอบโจทย์ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และความหลากหลายทางสังคม อีกทั้งระบบการศึกษายังขาดการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และยังคงมีปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่เมืองกับชนบท

“ที่ผ่านมา รัฐบาลหลายชุดพยายามผลักดันกฎหมายการศึกษาใหม่แต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม วันนี้กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การนำของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเสนอร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เพื่อเป็นกฎหมายหลักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและยกระดับการเรียนรู้ของคนไทย” นายปรีดา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การปฏิรูปการศึกษาไทยครั้งใหม่ถูกมองว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากระบบการศึกษาต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากการแข่งขันระดับโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และความต้องการแรงงานที่มีทักษะเชิงวิเคราะห์และสร้างสรรค์มากขึ้น แนวโน้มการปฏิรูปจึงมุ่งไปสู่การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับโลกดิจิทัล การพัฒนาบุคลากรครูให้เป็นผู้อำนวยการเรียนรู้มากกว่าผู้ถ่ายทอดความรู้ การสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

ทั้งนี้ การผลักดันร่างกฎหมายใหม่ไม่ใช่เพียงการแก้ไขถ้อยคำทางกฎหมาย แต่เป็นการวางรากฐานใหม่ของการจัดการศึกษาไทย เพื่อสร้างทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการวิเคราะห์รูปแบบการปฏิรูปศึกษาไทยได้เอไอ ได้ผลดังนี้   

การศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์และความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ ประเทศไทยมีการจัดการศึกษาในระบบสมัยใหม่มาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 และดำเนินการปฏิรูปครั้งสำคัญผ่าน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งถือเป็นกฎหมายแม่บทที่ใช้มากว่า 26 ปี อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ได้ก่อให้เกิดโลกไร้พรมแดน (Borderless World) ส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาไทยโดยตรง จึงเกิดข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการศึกษาอีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทโลก

1. พัฒนาการของการปฏิรูปศึกษาไทย

ยุคเริ่มต้น (พ.ศ. 2435 เป็นต้นมา) – จัดตั้งกระทรวงธรรมการ (ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อวางรากฐานการศึกษาไทยสมัยใหม่

การปฏิรูป พ.ศ. 2542 – พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 วางหลักการสำคัญ เช่น การจัดการศึกษาเพื่อความเสมอภาค การกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา และการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ความท้าทายในปัจจุบัน – หลังจากใช้มานานกว่า 26 ปี พบว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่สอดคล้องกับพลวัตโลก เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ ความหลากหลายทางสังคม และการแข่งขันในระดับโลก

2. เหตุผลและความจำเป็นของการปฏิรูปการศึกษา

ความล้าสมัยของกฎหมาย: พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แม้มีการแก้ไขเพิ่มเติม แต่ยังไม่ตอบโจทย์ยุคโลกาภิวัตน์

คุณภาพการศึกษา: การเรียนการสอนยังเน้นท่องจำ ขาดการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (Critical Thinking, Creativity, Collaboration, Communication)

ความเหลื่อมล้ำ: ความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบท โรงเรียนขนาดใหญ่กับโรงเรียนขนาดเล็ก

แรงกดดันจากต่างประเทศ: การแข่งขันด้านคุณภาพแรงงาน การเปรียบเทียบกับมาตรฐานการศึกษาสากล เช่น PISA

3. บทบาทของการผลักดันร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่

นายปรีดา บุญเพลิง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคกล้าธรรม ได้อภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ไม่สอดรับกับบริบทโลกยุคใหม่ และสนับสนุนความพยายามของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในการผลักดันร่างกฎหมายใหม่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยตั้งเป้าเพื่อ ยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ของคนไทย

4. แนวโน้มรูปแบบการปฏิรูปศึกษาไทยในอนาคต

การปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับโลกยุคดิจิทัล: สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี AI, Big Data และการเรียนรู้แบบออนไลน์

การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา: จาก “ผู้ถ่ายทอดความรู้” ไปสู่ “โค้ชและผู้อำนวยการเรียนรู้”

การสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต: ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโลก

การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา: ใช้นโยบายกระจายทรัพยากร การใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงการเรียนรู้ในทุกพื้นที่

การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้สู่มาตรฐานสากล: เน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการเรียนรู้เชิงบูรณาการ

ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาไทยไม่ใช่เพียงการแก้ไขกฎหมาย แต่คือการปรับโครงสร้าง กระบวนการเรียนรู้ และการบริหารจัดการเพื่อรองรับโลกยุคใหม่ การผลักดันร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่โดย ศ.ดร.นฤมล และการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างนายปรีดา บุญเพลิง ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย หากสามารถบูรณาการทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างแท้จริง ก็จะนำไปสู่การพัฒนาทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ และทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

หน้าแรก » การเมือง