วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568 06:33 น.

การเมือง

วิเคราะห์สติ-ความรู้ของ "ฮุน เซน" หลังถูกเพิกถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

วันเสาร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 15.07 น.

การเพิกถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ได้นำไปสู่ปฏิกิริยาจากสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศกัมพูชามานานหลายทศวรรษ

ปฏิกิริยาของเขา โดยเฉพาะการยืนยันว่า “สติปัญญาและความรู้ของผม ไม่ได้เกิดจากปริญญาของคุณ แต่เกิดจากประชาชนและโรงเรียนในกัมพูชา” ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญที่ควรนำมาวิเคราะห์ คือ มุมมองของฮุน เซน ต่อสติ ความรู้ และคุณค่าของการศึกษาในฐานะรากฐานของภาวะผู้นำ

1. แนวคิดสติและปัญญาในมิติการเมือง

คำกล่าวของฮุน เซน ที่ปฏิเสธความสำคัญของ “ปริญญากิตติมศักดิ์” สามารถตีความได้ว่า เขาต้องการชี้ให้เห็นว่า ภาวะผู้นำและความรู้ที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรับรองจากสถาบันภายนอก แต่ขึ้นอยู่กับ สติ (การตระหนักรู้ในความเป็นจริงและบทบาทของตนเอง) และ ปัญญา (ประสบการณ์ ความเข้าใจ และความสามารถในการแก้ปัญหา) ซึ่งเกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่จริง

เมื่อพิจารณาตามพุทธปรัชญา “สติ” ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูคอยควบคุมอารมณ์ ขณะที่ “ปัญญา” คือการเข้าใจความจริงตามเหตุปัจจัย หากนำมาสะท้อนกับกรณีฮุน เซน จะพบว่าเขาพยายามแสดง สติ ในการไม่ปล่อยให้สถานการณ์เพิกถอนปริญญากระทบความมั่นคงทางจิตใจ และใช้ ปัญญา ในการชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ว่า ความสำเร็จทางการเมืองของเขาเกิดขึ้นก่อนที่สถาบันการศึกษาไทยจะมอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้

2. ความรู้ในฐานะทุนทางการเมือง

ฮุน เซน ย้ำว่าความรู้ของตนเกิดจาก “ประชาชนและโรงเรียนในกัมพูชา” ซึ่งสะท้อนความหมายของ “ทุนทางสังคม” (social capital) และ “ทุนทางวัฒนธรรม” (cultural capital) มากกว่าทุนเชิงวิชาการ (academic capital) การสั่งสมความรู้ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ช่วงอายุ 27 ปี ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จนถึงการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่ออายุเพียง 32 ปี เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ฮุน เซน มอง “ความรู้” ว่าเป็นผลผลิตจากการฝึกฝนและปฏิบัติ มากกว่าการเรียนรู้เชิงทฤษฎีในระบบมหาวิทยาลัย

ในมุมนี้ สะท้อนแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) และทฤษฎีการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (experiential learning theory) ที่เชื่อว่า ความรู้แท้จริงเกิดจากการกระทำและการเผชิญสถานการณ์จริง มากกว่าการได้รับใบรับรองทางวิชาการ

3. สติปัญญาและการจัดการกับอัตลักษณ์

การตอบสนองของฮุน เซน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แม้จะใช้ถ้อยคำที่มีอารมณ์ (“ผมทิ้งมันไปนานแล้ว มันไม่มีคุณค่า”) แต่ยังคงสะท้อนการใช้ “สติ” ในการยืนยันอัตลักษณ์ทางการเมืองของตนเอง เขาเลือก framing เหตุการณ์นี้ให้กลายเป็นโอกาสย้ำความชอบธรรมของภาวะผู้นำ โดยตอกย้ำว่า “ความสำเร็จของเขามาก่อนปริญญา” ซึ่งเป็นการปฏิเสธไม่ให้การเพิกถอนปริญญากระทบต่อ legitimacy หรือความน่าเชื่อถือทางการเมือง

4. มิติเปรียบเทียบ: ปริญญากับสติ-ปัญญา

การมีปริญญากิตติมศักดิ์เป็นการยอมรับเชิงสัญลักษณ์จากสถาบันการศึกษา แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ได้รับจะมีปัญญาในเชิงการเมืองหรือการปกครอง ข้อถกเถียงระหว่าง “ปริญญา” กับ “ปัญญา” ที่ฮุน เซน ยกขึ้นมา เป็นตัวอย่างสำคัญของการแยกแยะระหว่าง ทุนเชิงสัญลักษณ์ (symbolic capital) กับ ทุนเชิงปฏิบัติการ (practical capital) โดยฮุน เซน เลือกที่จะยกย่องทุนประเภทหลัง ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์จริงที่สร้างอำนาจและความสำเร็จของเขา

ดังนั้น กรณีการเพิกถอนปริญญากิตติมศักดิ์และปฏิกิริยาของฮุน เซน เปิดพื้นที่ให้วิเคราะห์บทบาทของ “สติ” และ “ความรู้” ในเชิงการเมืองและการศึกษา ฮุน เซน แสดงให้เห็นว่า เขามอง “สติ” เป็นกลไกในการปกป้องอัตลักษณ์และความมั่นคงทางจิตใจ ส่วน “ความรู้” คือสิ่งที่ได้มาจากประชาชน ประสบการณ์ และระบบการศึกษาภายในประเทศ มากกว่าการยอมรับจากสถาบันภายนอก

ดังนั้น เหตุการณ์นี้จึงไม่เพียงแต่สะท้อนความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชาในเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังสะท้อนข้อถกเถียงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น คือ ความแตกต่างระหว่าง “ปริญญา” ในฐานะวัตถุทางสังคม กับ “ปัญญา” ในฐานะคุณค่าที่แท้จริงของภาวะผู้นำ
 

หน้าแรก » การเมือง